กานพลู vs อบเชย สมุนไพรชั้นดีตอบโจทย์สุขภาพ

 

หากพูดถึงสมุนไพรที่มีประโยชน์และมีสรรพคุณทางยาหลายคนคงนึกไม่ถึงสมุนไพรอย่างกานพลู และอบเชย ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยามากมายในการช่วยรักษาและกำจัดของเสียในร่างกาย รวมถึงยังสามารถช่วยขจัดไรฝุ่น รวมถึงแบคทีเรียต่างๆได้อีกด้วย

 

กานพลู (Clove)

           เป็นพืชพื้นเมืองของประเทศฟิลิปปินส์ อยู่ในตระกูลไม้ยืนต้นขนาดกลางที่ชอบอากาศชื้น ซึ่งในกานพลูมีสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก พบว่าในกานพลูประกอบไปด้วยสาร ยูจีนอล (eugenol) 72-90%  สารเหล่านี้ล้วนมีสรรพคุณช่วยแก้อาการป่วยต่างๆ และดีต่อสุขภาพ จึงนิยมนำกานพลูมาใช้เป็นยาสมุนไพร โดยนำมาใช้เพื่อเป็นส่วนผสมของตัวยา และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพหลายชนิด เช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เป็นต้น รวมถึงเป็นสมุนไพรสำคัญที่มีการใช้ในอุตสาหกรรมอาหารในหลายประเทศ และใช้ในครัวเรือน โดยที่นิยมใช้มาก คือ ส่วนของดอกตูมที่นำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยเพื่อนำไปใช้ เช่น  สเปรย์กำจัดไรฝุ่น

 

ประโยชน์ของกานพลู

  1. ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ สรรพคุณช่วยในการเผาผลาญแคลอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะช่วยลดและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก และผู้ที่มีภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง

  2. ช่วยเพิ่มน้ำนมสำหรับแม่ลูกอ่อน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต แต่มีการแนะนำให้คุณแม่ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หลีกเลี่ยงการทานกานพลู โดยเฉพาะน้ำมันหอมระเหยกานพลู เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

  3. ลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย กานพลูมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า สารยูจีนอล สารชนิดนี้มีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ ช่วยลดอาการอักเสบและช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่มีส่วนทำให้เกิดอาการแน่นจุกเสียดได้ จึงเป็นสมุนไพรที่เมื่อทานเข้าไปแล้วช่วยในการขับลม ขับน้ำดี ช่วยย่อย ลดอาการปวดเกร็ง และลดการบีบตัวของลำไส้ได้ นอกจากนี้ยังช่วยแก้อาการปวดท้อง ท้องเสีย ขับลมในลำไส้ และแก้ลมได้อีกด้วย

  4. มีส่วนช่วยในการขับน้ำคาวปลา กานพลูไม่ได้มีดีเฉพาะแค่กลิ่น หรือช่วยในการรักษาอาการปวดฟันอย่างที่คุ้นเคยกันเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการขับน้ำคาวปลาได้อีกด้วยที่สำคัญยังช่วยขับพิษจากน้ำเหลือง ทำให้สามารถขับถ่ายได้เป็นปกติ และยังช่วยลดอาการโลหิตเป็นพิษได้เช่นกัน

  5. ช่วยในการรักษาโรคบางโรคได้ เช่น โรคหอบหืด โรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยขับเสมหะ แก้อาการไอ อาการเหน็บชา ช่วยกระตุ้นการหลั่งเมือก และลดกรดในกระเพาะอาหาร เป็นต้น

  6. ใช้เป็นส่วนผสมยาฆ่าแมลง หรือใช้ฉีดพ่นกำจัดแมลงโดยตรง โดยใช้น้ำมันหอมระเหยจากดอก ซึ่งในดอกมีสารยูจีนอลเป็นตัวที่ออกฤทธิ์สำคัญในการขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ ทำให้โปรตีนอื่นๆในแมลงเสียสภาพไป

 

อบเชย (Cinnamomum verum)

         มี 2 แบบ คือ แบบซินนามอน หรืออบเชยเทศ เป็นพืชไม้ขนาดกลาง เนื้อไม้ด้านในของต้นที่ไม่ติดเปลือก ด้านนอกมีสีน้ำตาลเนียน เนื้อบางเปราะง่าย กลิ่นหอมรสหวาน และเผ็ด มีน้ำมันหอมระเหย ประมาณ 2 - 3 % ส่วนแบบแคสเซีย หรืออบเชยจีน เป็นเนื้อไม้ด้านในถึงชั้นนอก กาบขนาดใหญ่ สีของเนื้อด้านในสีน้ำตาล ส่วนด้านนอกสีน้ำตาลปนเทา แผ่นจะแข็งกว่าอบเชยเทศ และกลิ่นหอมน้อยกว่า แต่ให้รสหวานและเผ็ดซ่ามากกว่า มีน้ำมันหอมระเหยประมาณ 1 - 8 % ส่วนเปลือกของลำต้นที่ลอกออกมาจากต้นของอบเชย และเมื่อนำไปตากแดดจนแห้งแล้วจะมีลักษณะม้วนตัวเข้าหากันเป็นหลอดหรือกลมๆสีน้ำตาลมีทั้งอ่อนและเข้มขึ้นอยู่กับชนิดของอบเชย และในอบเชยยังอุดมด้วยน้ำมันหอมระเหยที่มีสารประกอบที่ให้ฤทธิ์ทางยา เช่น ซินนามัลดีไฮด์ (cinnamaldehyde), ซินนามีล (cinnamyl) ในรูปอะซิเตตและแอลกอฮอล์ โดยสารเหล่านี้มีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อราได้ดี

 

ประโยชน์ของอบเชย

  1. ต้านแบคทีเรียและไวรัส อบเชยสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราได้ โดยสารซินนามัลดีไฮด์ยังถือเป็นส่วนประกอบหลักที่มีสรรพคุณต้านเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์เพื่อทำลายภูมิคุ้มกันได้

  2. ช่วยลดการอักเสบ อบเชยมีสรรพคุณช่วยแก้อาการปวดหัว ปวดข้อและอาการอักเสบต่างๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดี เพราะส่วนประกอบสำคัญอย่างซินนามีล แอลกอฮอล์ มีคุณสมบัติในการปล่อยฮีสตามีนออกจากร่างกาย ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าวได้ผ่านการพิสูจน์จากห้องปฏิบัติการแล้วว่าช่วยต้านการอักเสบได้

  3. บรรเทาอาการปวดประจำเดือน การทานอบเชยตอนปวดท้องประจำเดือนจะช่วยบรรเทาอาการให้ลดลงได้ เนื่องจากอบเชยมีสรรพคุณช่วยลดอาการตกเลือดในระหว่างที่มีประจำเดือน และลดอาการปวดท้องลงได้เป็นอย่างดี

  4. กระตุ้นการทำงานของสมอง กินอบเชยเป็นประจำช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสัน เพราะสรรพคุณของอบเชยจะช่วยบำรุงสมองโดยทำหน้าที่กระตุ้นโปรตีนที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์สมองเกิดการกลายพันธุ์ การทานอบเชยเป็นประจำยังช่วยบำรุงสมองให้แข็งแรง ช่วยกระตุ้นประสาทและลดความเครียดลงได้เป็นอย่างดี

  5. รักษาระดับน้ำตาลในเลือด อบเชยมีสรรพคุณช่วยรักษาและลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงเป็นอาหารชั้นเลิศที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน หน้าที่ของอบเชยจะเข้าไปปิดกั้นเอนไซม์ชนิดอะลานีน ซึ่งอะลานีนจะดูดกลูโคสเข้าสู่เส้นเลือด หากเพิ่งกินอาหารที่มีน้ำตาลสูงเข้าไป แต่อบเชยจะช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดลงนั่นเอง

  6. อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระมีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก เพราะจะช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของร่างกาย ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ผิดปกติ โดยจะช่วยป้องกันมะเร็งได้

 

            สำหรับสมุนไพรอย่างกานพลู และอบเชยถือเป็นสมุนไพรชั้นดี หาได้ง่ายแต่มีฤทธิ์ทางยาในการช่วยรักษาอาการต่างๆ ต่อต้านไวรัสบางชนิดหรือบรรเทาโรคต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ปัจจุบันนี้กานพลู และอบเชยยังถูกนำมาวิจัยและพัฒนา ภายใต้โครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบาย การจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย (BRT) ในเรื่องสมุนไพรที่สามารถกำจัดไรฝุ่นและลดสารก่อภูมิแพ้ โดยการสกัดน้ำมันหอมระเหยของกานพลูที่มีฤทธิ์ในการกำจัดตัวไรฝุ่น ส่วนน้ำมันหอมระเหยของอบเชยช่วยลดสารก่อภูมิเเพ้ได้ งานวิจัยนี้จึงออกมาในรูปแบบ สเปรย์สมุนไพรกำจัดไรฝุ่น ที่มีประสิทธิภาพ 100% ในการกำจัดไรฝุ่น และลดสารก่อให้เกิดภูมิแพ้

   

☘️ มุมสาระน่ารู้ TardHealth info

ความรู้เพื่อสุขภาพ รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ By TaradHealth

ข้อมูลเพิ่มเติม»

เรื่องที่คุณอาจสนใจ