เราเป็น “ภูมิแพ้” ได้ยังไงกันเหรอ ?

 

ภูมิแพ้เป็นโรคที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด สามารถเป็นกันได้ง่ายถ้าภูมิคุ้มกันผิดปกติ ซึ่งปัจจุบันผู้คนเริ่มเป็นกันมากขึ้น และมักจะมีคนคิดว่าแค่กินยาอาการก็ดีขึ้นแล้ว แต่รู้ไหมว่าภูมิแพ้เกิดจากสาเหตุใด ต้องระวังเรื่องอะไรบ้างและนอกจากกินยาแล้วต้องดูแลรักษายังไงบ้างไม่ให้อาการกำเริบ

   

โรคภูมิแพ้ คืออะไร

        โรคภูมิแพ้ หรือ Allergy เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีภาวะความผิดปกติที่เกิดจาก  การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ไวต่อสิ่งกระตุ้น โดยอาการภูมิแพ้นี้จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายไปสัมผัสกับสสารบางชนิด ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ที่เรียกว่า “สารก่อภูมิแพ้” และเมื่อร่างกายเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้แล้วจะหลั่งสารฮีสตามีน (Histamine) ออกมาจนทำให้ร่างกายเกิดอาการ เช่น อาการคัน  ไอ มีเสมหะ หายใจไม่สะดวก ลมพิษ เป็นต้น

   

โรคภูมิแพ้ เกิดจาก 2 สาเหตุ  

  1. สาเหตุจากกรรมพันธุ์

          โรคภูมิแพ้บางชนิดอาจเกิดขึ้นจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งถ้าหากมีการซักประวัติแล้วพบว่าพ่อและแม่ของผู้ป่วยเป็นภูมิแพ้ก็จะยิ่งทำให้มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น ส่วนครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นโรคภูมิแพ้เพียงคนเดียวโอกาสที่ลูกจะเป็นภูมิแพ้จะมีน้อยกว่า ทั้งนี้โรคภูมิแพ้ที่มักเกิดจากกรรมพันธุ์ เช่น โรคหืด โรคแพ้อากาศ และ ผื่นภูมิแพ้ในเด็ก  

  1. สาเหตุจากสิ่งแวดล้อม

       คนส่วนใหญ่มักเป็นโรคภูมิแพ้จากสาเหตุสิ่งแวดล้อม  ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่ร่างกายสามารถสัมผัสได้จากสิ่งแวดล้อม  ทั้งจากการหายใจ การรับประทานอาหารล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ทำเกิดสารก่อภูมิแพ้ได้ ซึ่งสารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยที่สุด เช่น อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์นม ถั่วชนิดต่างๆ หรือโปรตีนบางชนิด นอกจากนี้ สสารที่อยู่ในอากาศก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ ได้ เช่น ไรฝุ่น ฝุ่นละออง เชื้อราในอากาศ เกสรดอกไม้ และขนสัตว์ เป็นต้น  

        นอกจาก 2 ปัจจัยข้างต้นแล้วพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกสุขลักษณะสามารถเพิ่มโอกาสการเป็นโรคภูมิแพ้ได้ เช่น การเจอมลภาวะเป็นพิษทุกวันโดยไม่ป้องกัน อากาศเปลี่ยนแปลงแต่ไม่ดูแลตัวเอง ความเครียด การทำงานเกินกำลังจนมีเวลาพักผ่อนน้อย การใช้ยาเคมีเกินความจำเป็น (ยาแก้ปวด ยาลดความดัน ฮอร์โมนทดแทน ฯลฯ) เป็นต้น ก็เป็นสาเหตุของภูมิแพ้ได้เหมือนกันนะ

   

สารก่อภูมิแพ้

        เป็นสารที่เมื่อร่างกายบางคนได้รับแล้ว ทั้งโดยการสัมผัสกับผิวหนัง การหายใจ การได้กลิ่น รวมถึงการกิน โดยสารเหล่านี้จะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจนทำให้ร่างกายเกิดอาการของโรคภูมิแพ้ เช่น ผื่นขึ้น ตาแดง คันตา น้ำตาไหล ไอ มีน้ำมูกเรื้อรัง จาม หรือมีอาการทางการหายใจ เช่น หายใจลำบาก เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นภูมิแพ้มักมีสาเหตุมาจากการแพ้ไรฝุ่น หรือฝุ่นภายในบ้านมาเป็นอันดับแรก รองลงมา คือ แมลงสาบ ละอองเกสรพืชหรือดอกไม้ และขนสัตว์

        นอกจากนี้ อาการของโรคภูมิแพ้ยังสามารถรุนแรงยิ่งขึ้น หากผู้ป่วยได้รับการกระตุ้นจากกลิ่นบางประเภท เช่น ควันบุหรี่ ควันท่อไอเสีย ควันธูป น้ำหอมหรือกลิ่นเหม็นฉุนต่างๆ และเพื่อให้รู้แน่ชัดว่าตัวเองแพ้อะไรควรเข้ารับการทดสอบสารก่อภูมิแพ้กับผิวหนัง เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้นะ

   

การดูแลรักษาร่างกาย

      - หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ และกินอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ กินอาหารที่สะอาด 

      - หมั่นทำความสะอาดบ้าน ห้องนอน และเปลี่ยนเครื่องนอนทุกสัปดาห์ หากจำเป็นต้องทำความสะอาดเอง ควรใช้ผ้าปิดปากและจมูก หรือสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นขณะทำความสะอาดด้วย นอกจากนั้น ควรล้างแผ่นกรองฝุ่นของเครื่องปรับอากาศทุกๆ 2 สัปดาห์

      -  ใช้สเปรย์สมุนไพรกำจัดไรฝุ่นที่ทำจากสารสกัดธรรมชาติฉีดบนที่นอน หมอน ตุ๊กตา โซฟา พรม เพื่อลดสารก่อภูมิแพ้ที่มาจากตัวไรฝุ่น

      -  ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้สดชื่น ไม่เครียดหรือวิตกกังวลมากจนเกินไป

      -  หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ที่แออัด

      -  งดเลี้ยงสัตว์ที่มีขนทุกชนิด เพื่อเลี่ยงการได้รับสารก่อภูมิแพ้ แต่สัตว์ที่สามารถเลี้ยงได้อย่างปลอดภัย คือ ปลา 

      -  อาจต้องงดนำดอกไม้เข้าบ้าน เพราะละอองเกสรดอกไม้เป็นสารก่อภูมิแพ้ชั้นดีเลยแหละ

      -  ผู้ที่ต้องการใช้ยาในการรักษาให้ใช้ยาในกลุ่มยาแก้แพ้ ยาพ่นจมูก ยาทาผิวหนัง ยาสูดหรือพ่น และยาหยอดตาในการรักษาเบื้องต้น แต่ในรายที่เป็นหนักอาจต้องเปลี่ยนเป็นยาฉีด หรืออาจถึงขั้นต้องผ่าตัดเลยก็ได้

 

☘️ มุมสาระน่ารู้ TardHealth info

ความรู้เพื่อสุขภาพ รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ By TaradHealth

ข้อมูลเพิ่มเติม»

เรื่องที่คุณอาจสนใจ