ทำไม? ผู้ป่วยมะเร็งต้องเลือก “เลือดจระเข้ วินน์”

พอพูดถึง “มะเร็ง” โรคร้ายที่ทุกคนไม่อยากเป็น แต่ถ้าวันหนึ่งมันได้เข้ามากล้ำกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราแล้วนั้น เรามีทางออกไม่มาก และต้องอยู่ด้วยความหวังว่ามันจะหายไปไม่ว่าจะด้วยการรักษาใดๆก็ตาม ที่สำคัญเราต้องทำให้สุขภาพกายแข็งแรงขึ้น ประกอบกับจิตใจต้องดีขึ้นตาม เพราะมะเร็งเป็นเนื้อร้ายที่ทำให้เราแสนทรมานจากความเจ็บปวดก่อนรักษา หรือแม้แต่กำลังเข้ารับการรักษา ร่างกายก็ทรุดโทรมลงจากการทำเคมีบำบัดได้เช่นกันนะ แต่! รู้ไหมว่าเลือดจระเข้เป็นหนึ่งทางเลือกที่สามารถเข้ามาช่วยบรรเทาความทรมาน และทรุดโทรมลงของร่างกายได้เมื่อต้องทำเคมีบำบัดนะ

 

มะเร็งในร่างกาย

          มะเร็ง เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในอวัยวะต่างๆของร่างกาย ซึ่งมีการเจริญที่ผิดปกติจนเกิดเป็นก้อนเนื้อ โดยที่เซลล์นั้นเจริญอย่างไม่สามารถควบคุมได้กระทั่งกลายเป็นเนื้อร้าย และลุกลาม แพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนข้างเคียงอื่นๆของร่างกายผ่านระบบน้ำเหลือง หรือระบบเลือดนั่นเอง

 

คีโมกับมะเร็งตัวร้าย

          มะเร็งกับการที่ต้องทำเคมีบำบัด หรือที่เรียกกันว่า “คีโม” (Chemotherapy) เป็นการรักษาโรคมะเร็งโดยการใช้ยาหลายรูปแบบเข้าไปทำลาย ชะลอ หรือหยุดเซลล์มะเร็งที่มีการเติบโต และแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมีผลต่อเซลล์ปกติในร่างกายบางส่วน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงจากการใช้ยาเคมีบำบัดนั่นเอง

          และการทำคีโมก็เป็นสิ่งที่ผู้ป่วยรู้ดีอยู่แล้วว่าจะส่งผลยังไง ทรมานแค่ไหนก็เลี่ยงไม่ได้เลย เพราะมีผลกระทบโดยตรงต่อร่างกายทำให้เซลล์เม็ดเลือด และเกล็ดเลือดของผู้ป่วยถูกทำลายไป เป็นเหตุให้ร่างกายของผู้ป่วยทรุดโทรมลงจนเห็นได้ชัด เช่น

• ผมร่วง มักส่งผลต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ผมอาจร่วงมากจนเกิดหนังศีรษะลอกได้

• ผิวหนัง และเล็บเปลี่ยนสี โดยผิวหนังเราจะแห้ง และหยาบกร้าน เล็บเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัด

• เยื่อบุทางเดินอาหารอักเสบตั้งแต่ช่องปากไปถึงทวารหนัก จึงเกิดแผลในช่องปาก ลิ้นจนทานข้าวไม่ได้

• ติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ เพราะร่างกายอ่อนแอลง

• เหนื่อยง่ายกว่าปกติ แม้จะทำกิจกรรมทั่วไปหรือกิจกรรมที่คุ้นเคยก็ตาม

• มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน 

          ซึ่งแต่ละคนจะมีอาการจากผลข้างเคียงในการทำคีโมมากบ้าง น้อยบ้างหรือไม่มีอาการเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของเราว่ารับการทำคีโมไหวหรือเปล่า เป็นเหตุให้ต้องหาหนทางที่จะช่วยผู้ป่วยมะเร็งในการทำคีโมให้ส่งผลกระทบต่อร่างกายน้อยที่สุด จึงได้มีงานวิจัยเกี่ยวกับเลือดจระเข้ขึ้นมาเพื่อเป็นอาหารเสริม และเป็นแนวทางในการช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งจากการทำคีโม และช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงขึ้นเพื่อทำการรักษาต่อได้จนครบขั้นตอน โดย รศ. ดร.วิน เชยชมศรี อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

 

เลือดจระเข้ช่วยได้

          เลือดจระเข้นั้นมีสารต้านจุลชีพอยู่ในน้ำเลือดที่น่าจะเป็นโปรตีนคอมพลีเมนต์ที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานแบคทีเรียและไวรัส มีสารอาหารที่ดีเสริมสร้างส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างดี เลือดจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบเลือด และภูมิคุ้มกันในตัวของจระเข้ ทำให้เกิดผลผลิตจากการศึกษาวิจัยของรศ. ดร.วิน เชยชมศรี และคณะ กระทั้งกลายเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “เลือดจระเข้แคปซูล วินน์” ที่สามารถช่วยบำรุงสุขภาพในคนต่อไป

          เลือดจระเข้แคปซูล วินน์  เหมาะกับผู้ป่วยมะเร็งที่ทำคีโม รวมทั้งผู้ป่วยในระยะพักฟื้นหลังทำคีโม ซึ่งในเลือดจระเข้นั้นอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน ธาตุเหล็ก และแร่ธาตุต่างๆที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงร่างกายให้แข็งแรงขึ้น โดย

          ผู้ป่วยมะเร็งที่ทำเคมีบำบัด หรือทำคีโมนั้น ร่างกายจะมีผลกระทบในการถูกทำลายเซลล์เม็ดเลือด และเกล็ดเลือดจึงทำให้ร่างกายของผู้ป่วยมะเร็งทรุดโทรมลงไป การทานเลือดจระเข้จึงสามารถช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วหลังรับการรักษา โดยจะเข้าไปช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดให้ทำงานได้ดีขึ้นเพื่อให้แพทย์สามารถทำการรักษาต่อได้ครบขั้นตอน และหลังการรักษาตัว พบว่า ยังมีอาการข้างเคียงน้อยกว่าและร่างกายจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าผู้ป่วยที่ไม่ได้ทานเลือดจระเข้พร้อมๆไปกับการรักษาตัว

 

เลือดจระเข้กินยังไงให้ดีกว่าเดิม

          แนะนำให้กิน 1 - 2 แคปซูลต่อวัน และเมื่อกินร่วมกับวิตามินซี หรือน้ำส้มจะช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดได้ดีขึ้นอีกด้วยเลือดจระเข้ วินน์ ควรกินขณะท้องว่างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการดูดซึมสารอาหารต่างๆ จากเลือดจระเข้ และสำคัญที่สุดคือ การดูแลตัวเองเมื่อได้รับยาเคมีบำบัด เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุดและต่อเนื่องจนครบขั้นตอนในการรับยาตามเป้าหมายของแพทย์ โดยมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ซึ่งเราสามารถทำได้แค่ดูแลร่างกายให้แข็งแรง พร้อมกับหาทางเลือกอย่าง “เลือดจระเข้แคปซูล วินน์” ที่จะเข้ามาช่วยให้เลือดของเราดี เมื่อเลือดดีร่างกายของเราจะสามารถอดทนกับการรับยาเคมีบำบัดที่แสนทรมานจากผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ และจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังการรักษาครบขั้นตอนแล้ว