กินไอติมได้จริงเหรอ? ถ้าเป็น “ทอนซิลอักเสบ”

 

ไอติม หรือไอศกรีมที่คนทั่วไปทั้งเด็ก และผู้ใหญ่โปรดปราณกันนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นเสมือนยาชนิดหนึ่งที่เข้ามาช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้ดีทีเดียวเลยแหละ โดยเฉพาะเรื่องต่อมทอนซิลของเรา เมื่อเกิดการอักเสบขึ้นมา หลายคนก็พะวงว่าจะกินนู้นกินนี้ไม่ได้ แต่ๆ! รู้หรือเปล่า ของเย็นๆ หรือไอติมนี่แหละช่วยคุณได้แน่นอน เพราะอะไรรู้ไหมถึงได้เอ่ยมาอย่างนี้ ต้องไปอ่านกันแล้วนะว่า.. "ไอติม" ช่วยทอนซิลอักเสบ ได้ยังไง

   

มารู้จัก ต่อมทอนซิลกันก่อน

          ต่อมทอนซิล (Tonsil) จัดอยู่ในกลุ่มของเนื้อเยื่อประเภทน้ำเหลือง ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ภายในต่อมมีเม็ดเลือดขาวหลายชนิด โดยหน้าที่หลักจะทำการจับและทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางเดินอาหารได้ด้วยตัวเองโดยตรง หน้าที่รอง คือ สร้างภูมิคุ้มกันให้ระบบทางเดินอาหารและระบบทางเดินหายใจ 

          ต่อมทอนซิลนี้สามารถพบได้หลายตำแหน่ง ตำแหน่งแรกที่เห็นชัดเจนอยู่บริเวณด้านข้างของช่องปาก (ข้างซ้าย - ข้างขวา) เรียกว่า “พาลาทีนทอนซิล” (Palatine Tonsil) และยังพบได้ที่บริเวณโคนลิ้นและช่องหลังโพรงจมูก

   

ต่อมทอนซิลอักเสบแล้ว!!

          ทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis) เป็นการติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียจนเกิดการอักเสบของต่อมทอนซิลคู่ข้างซ้ายและขวา หรือที่เรียกกันว่าพาลาทีนทอนซิล ทำให้มีอาการเจ็บคอ ร่วมกับมีอาการบวมแดง กดแล้วเจ็บ อาการอาจรุนแรงและอยู่ยาวนานกว่า 48 ชั่วโมง จะกลืนอาหารหรือน้ำลำบาก เสียงแหบหรือเสียงเปลี่ยน มีกลิ่นปาก หายใจลำบาก มีไข้ หนาวสั่น ปวดตัว ปวดหัว ปวดที่บริเวณหู เป็นต้น ซึ่งทอนซิลอักเสบสามารเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ เป็นอาการที่พบได้บ่อยในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ด้วยนะ

          คงมีคนสงสัยกันมากมายสำหรับข้อสงสัยที่ว่า… เป็นต่อมทอนซิลอักเสบแล้วจะกินไอติมได้จริงๆใช่ไหม? เพราะเป็นอาหาารที่เย็น และยังเป็นของหวานอีกนะ แล้วอาการมันจะดีขึ้นเหรอ? ถ้ากินเข้าไปแล้วจะไม่เป็นหนักกว่าเดิมใช่ไหม? และเชื่อว่าหลายๆคนคงหาข้อมูล หรือได้ยินกันมาบ้างแล้วแหละถึงคำถามนี้ แต่! แว่นใสอยากจะมาบอกย้ำอีกครั้งสำหรับคนที่ยังไม่รู้ หรือรู้แล้วแต่ยังสงสัยกันอีกว่าช่วยได้ยังไงนั่นเอง

   

ทอนซิลอักเสบ กินไอติมกันดีกว่า

          ต้องบอกก่อนว่าทอนซิลอักเสบแล้วเจ็บคอนั้น ต้องได้รับยาปฏิชีวนะที่แพทย์สั่ง และควรดื่มน้ำเย็น หรือเครื่องดื่มเย็นๆ หรืออมก้อนน้ำเเข็งเพื่อช่วยบรรเทาอาการบวม อาการอักเสบของทอนซิล รวมถึงไอติมที่เป็นของเย็นก็สามารถกินได้นะแถมยังดีต่ออาการอักเสบของทอนซิลอีกต่างหาก โดยเฉพาะไอติมช็อกโกแลต ย้ำนะ! ว่าเป็นดาร์กช็อกโกแลตได้ยิ่งดีมากๆ เพราะในช็อกโกแลตมี “สารฟลาโวนอยด์” ที่ช่วยลดการอักเสบต่างๆได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ และยิ่งเป็นดาร์กช็อกโกแลตยิ่งมีสารฟลาโวนอยด์สูงด้วย 

          นอกจากนี้ ทอนซิลอักเสบยังกินโกโก้เย็น โกโก้ปั่น ช็อกโกแลตแท่งได้ด้วย แต่สำหรับเด็กหรือเด็กเล็กที่เป็นทอนซิลอักเสบยังไม่ควรทานดาร์กช็อกโกแลตและโกโก้ เพราะมีคาเฟอีนอยู่ในปริมาณค่อนข้างมาก จึงควรกินเพียงไอติมช็อกโกแลต หรือไอติมรสอื่นๆก็เพียงพอ  และที่สำคัญไม่ควร! ดื่มน้ำอุ่นหรือกินของร้อน เพราะจะยิ่งทำให้อักเสบมากขึ้นนะ

   

ดาร์กช็อก มันดียังไง?

          ดาร์กช็อกโกแลต (Dark Chocolate) หรือช็อกโกแลตดำ เป็นช็อกโกแลตเข้มข้นที่มีปริมาณโกโก้มากกว่าช็อกโกแลตประเภทอื่นๆ และแทบไม่มีนมผสมอยู่เลย รวมถึงน้ำตาลที่ผสมลงไปก็น้อยด้วยเช่นกันทำให้มีรสชาติขมนั่นเอง ซึ่งดาร์กช็อกโกแลตมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราไม่น้อยเลย เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง โรคหัวใจ หลอดเลือดแข็งตัว และที่สำคัญมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยให้สมองตื่นตัว และมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถต้านอนุมูลอิสระได้ มีส่วนป้องกันผิวจากแสงแดด เพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังเซลล์ผิวหนัง รวมถึงเป็นสารต้านอาการแพ้ ต้านไวรัส และยังต้านการอักเสบ

          ซึ่งสารฟลาโวนอยด์ที่พบในโกโก้ ส่วนผสมหลักของดาร์กช็อกโกแลตนั้น ช่วยลดการอักเสบต่างๆ และการยึดเกาะของโมเลกุลที่ทำให้เกิดคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือดเเดง แถมยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะหลอดเลือดแดงที่แข็งตัวของเส้นเลือดนั่นเอง

   

ดูแลตัวเองด้วยนะ

  • พักผ่อนให้เพียงพอ

  • เลี่ยงการใช้เสียงจนกว่าจะหาย หรือดีขึ้นเพื่อไม่ให้คอบวมกว่าเดิม

  • ดื่มน้ำ หรือจิบน้ำบ่อยๆเพื่อให้คอชุ่มชื้น

  • ดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยให้สบายคอ เช่น น้ำเย็น นม โกโก้เย็นหรือปั่น ไอติมช็อกโกแลต หรือรสอื่นๆ 

  • อมก้อนน้ำแข็งก็ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้

  • กินอาหารอ่อนๆอย่างข้าวต้ม โจ๊ก น้ำซุป ที่ไม่ควรร้อนจนเกินไป 

  • งดของทอด ของมัน เพราะอาหารพวกนี้ยิ่งทำให้อาการบวมหรืออักเสบแย่กว่าเดิม

  • ไม่กินอาหารรสจัด หรือเผ็ดจัดไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดการระคายเคืองที่ต่อมทอนซิลได้

  • กลั้วคอด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำเกลือหลังอาหารทุกมื้อ เพื่อป้องกันไม่ให้มีเศษอาหารไปตกค้างในช่องปากและลำคอ

  • แยกของใช้ส่วนตัวโดยเฉพาะแก้ว ช้อน จาน และใช้ช้อนกลางเสมอเพื่อไม่แพร่เชื้อให้คนอื่น

  • เลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

   

☘️ มุมสาระน่ารู้ TardHealth info

ความรู้เพื่อสุขภาพ รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ By TaradHealth

ข้อมูลเพิ่มเติม»

เรื่องที่คุณอาจสนใจ