สุขภาพดีได้ง่ายๆ…ด้วยน้ำมันรำข้าวและน้ำมันจมูกข้าว

เนื่องจากน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวมีคุณค่าอย่างมากจึงได้รับความนิยมอย่างสูง กระบวนการผลิตน้ำมันรำข้าวจึงมีความสำคัญต่อคุณภาพของน้ำมันเป็นอย่างยิ่ง  เริ่มตั้งแต่… ✔ การเลือกโรงสีที่มีสถานที่เก็บรำข้าวที่สะอาด ไม่มีความชื้นที่จะเป็นแหล่งของเชื้อราในพื้นที่เก็บรำ ✔ การเลือกรำที่มีคุณภาพดีไม่มีสิ่งปลอมปนจากโรงเก็บรำของโรงสีการขนส่งรำจากโรงสีข้าวถึงโรงงานบีบน้ำมัน ✔ โรงงานบีบน้ำมันจะต้องไม่ไกลเกินไปที่ทำให้เสียเวลาในการขนส่งมากและโรงงานบีบน้ำมันจะต้องบีบน้ำมันแบบสดๆ ใหม่ๆ ไม่เก็บรำไว้ค้างคืน ซึ่งทั้งหมดนี้มีความสำคัญต่อการผลิตน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวเพราะคุณภาพของน้ำมันที่ดีจะต้องได้มาจากวัตถุดิบที่ดีการเตรียมวัตถุดิบที่ดี จึงถือว่ามีความสำคัญมาก Read More

ข้าวยีสต์แดงคืออะไร?

ข้าวยีสต์แดงคืออะไร? ข้าวยีสต์แดงเกิดจากการหมักข้าวด้วยเชื้อรา Monascus purpureus หรือที่เรียกว่ายีสต์แดง (RedYeast) จากการศึกษาคุณสมบัติ ทางชีวเคมีและทางยาของสารสำคัญในข้าวยีสต์แดง (Red Yeast Rice) พบว่า ข้าวยีสต์แดงมีสารที่มีคุณประโยชน์หลายประการ เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ สาร GABA สารกลุ่มโมนาโคลิน ที่มีคุณสมบัติช่วยลดระดับไขมันในเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอล และลดไตรกลีเซอไรด์ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ บำรุงการไหลเวียนโลหิต ช่วยลดอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด หรือมีลมในกระเพาะ Read More

ผลิตภัณฑ์ข้าวยีสต์แดง (Red Yeast Rice)

ผลิตภัณฑ์ข้าวยีสต์แดง (Red Yeast Rice) ข้าวยีสต์แดงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากกระบวนการหมักของข้าวกับยีสต์ในกลุ่ม Monascus purpureus ซึ่ง ข้าวยีสต์แดงนั้นหากมีการสำรวจการใช้งานก็จะพบว่ามีการนำมาใช้ประโยชน์มานานหลายพันปีแล้วโดยส่วนใหญ่ จะมีการใช้ประโยชน์ของ Red Yeast Rice เป็นสรรพคุณทางด้านยา นอกจากนี้ยังมีการนำมาใช้ประโยชน์ทางด้าน อาหารที่เราพบเห็นกันบ่อยๆ อย่างเช่นสีผสมอาหารในหมูแดงเป็ดปักกิ่ง เย็นตาโฟเป็นต้นแต่ในส่วนของผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารนั้น ทีมคณะนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำโดย ศ.คร. บุญบา ยงสมิทธิ์ จากภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ได้ทำการคัดเลือกและพัฒนาสายพันธุ์จนได้จุลินทรีย์โมแนสตัสที่สามารถสร้าง สารลดคลอเรสเตอรอล (โมนาคอลลินส์)และสารอื่นๆที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในปริมาณสูงมีความปลอดภัยจนนำมา ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ข้าวยีสต์แดง(Red Yeast Rice) Read More

ประโยชน์ของไข่

ประโยชน์ 10 ประการจากการบริโภคไข่    1. ไข่เป็นอาหารที่ดีสำหรับดวงตา ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า การรับประทานไข่วันละฟองอาจจะช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม ทั้งนี้เนื่องมาจากสารคาโรทีนอยด์ที่อยู่ในไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูทีน (lutein) และซีแซนทีน (zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารที่พบบริเวณตา โดยฉาบอยู่บนผิวของเรตินา เพราะร่างกายจะได้รับสารอาหารทั้งสองอย่างนี้โดยตรงจากไข่มากกว่าอาหารชนิดอื่น 2. ไข่ทำให้เป็นต้อกระจกน้อยลง จากผลการวิจัยอีกชิ้นหนึ่งนักวิจัยยังพบว่า คนที่กินไข่ทุกวันมีความเสี่ยงที่จะเป็นต้อกระจกน้อยลง อันเนื่องมาจากลูทีนและซีแซนทีนในไข่ดังได้กล่าวมาแล้ว 3. ไข่อุดมไปด้วยโปรตีน โดย 1 ฟองจะมีโปรตีนคุณภาพดี 6 กรัม และกรดอะมิโนสำคัญอีก 9 ชนิด 4. การบริโภคไข่เป็นประจำยังช่วยป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อน เส้นเลือดอุดตันในสมอง และภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

6 อาหารไฟเบอร์สูง

6 อาหารที่มีไฟเบอร์สูง 1. ถั่วดำ ในหนึ่งถ้วยจะให้ไฟเบอร์กับโปรตีนมากถึง 15 กรัม สีที่เข้มของมันยังบ่งบอกว่า มีฟลาวานอยด์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากอีกด้วย 2. ข้าวกล้อง หากคุณกินแต่ข้าวขาวอย่างเดียว คุณอาจไม่คุ้นกับข้าวกล้อง แต่ลองกินดูเถอะ เพราะข้าวกล้องอาจมีใยอาหารสูงถึง 3.5 กรัม/ถ้วย นอกจากนี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดยังพบว่า การกินข้าวขาวนั้นอาจจะทำให้ความเสี่ยงเป็นเบาหวานประเภทสองสูงขึ้นถึง 17% แต่การกินข้าวกล้อง 2 หน่วยบริโภค/สัปดาห์ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้ 11% 3. ขนมปังโฮลวีต เพราะขนมปังสีขาวนั้นถูกขัดเอาจมูกและธัญพืชออกไปหมดแล้ว ทำให้ไม่เหลือสารอาหารกับไฟเบอร์ การเปลี่ยนจากขนมปังขาวเป็นขนมปังโฮลวีตทั้งหมดจะช่วยเรื่องปริมาณไฟเบอร์ในระยะยาวได้มากทีเดียว 4. บร็อกโคลี่ เป็นที่รู้จักกันดีเรื่องคุณสมบัติต้านโรคมะเร็ง บร็อกโคลี่มีไฟเบอร์อยู่มากมาย

รักษาสิวด้วยเปลือกมังคุด

             มังคุด  คือผลไม้ที่ถูกยกย่องให้เป็น ราชินีของผลไม้ แต่นอกเหนือจากความอร่อยของเนื้อในมังคุดแล้ว เปลือกของมังคุดนั้น คนไทยเรายังได้รู้จักนำเอาเปลือกไปใช้ประโยชน์เป็นยารักษาโรคมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาเปลือกมังคุดมาใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย แก้ท้องร่วง สรรพคุณที่โดดเด่นของเปลือกมังคุดที่เรารู้จักใช้กันมานานคือการใช้เปลือกมังคุดในการรักษาโรคผิว สิวต่างๆ บรรเทาอาการผดผื่น โดยใช้เปลือกมังคุดแห้งมาต้มน้ำอาบ หรือใช้น้ำต้มเปลือกมังคุดทาบริเวณที่มีอาการ และด้วยคุณสมบัติดังกล่าวนี้เอง เปลือกมังคุดจึงถูกดึงมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น สบู่ที่ช่วยบรรเทาโรคผิวหนัง สบู่รักษาสิวฝ้า ซึ่งเป็นที่นิยม จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ค้นพบว่า รสฝาดในเปลือกมังคุดมีสารที่เรียกว่า แทนนิน(tannin) ซึ่งมีฤทธิ์สมานแผลช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น สารแซน

6 ท่านวดลดเซลลูไลท์ต้นขา

วิธ๊ลดเซลลูไลท์ต้นขา 1. ท่าเตรียมพร้อมก่อนเจอของจริง      ทาครีมลดเซลลูไลท์หรือครีมสูตรสลายไขมันที่คุณมีให้ทั่วต้นขา จากนั้นเริ่มนวดขาตั้งแต่ปลายเท้าหรือหัวเข่าขึ้นมาจนถึงหน้าขา­­ ท่านี้จะช่วยให้เส้นระบบเลือดบริเวณต้นขาไหลเกิดการสูบฉีดดีขึ้­­น 2. บีบไล่ไขมัน ใช้มือทั้งสองข้างบีบเนื้อบริเวณต้นขา สะโพก หรือหน้าท้องเป็นจังหวะ เวียนไปให้ครบทั้งพื้นที่ของส่วนที่คุณต้องการกำจัดเซลลูไลท์ เพื่อให้เส้นเลือดเข้าใกล้ผิวหนังชั้นนอกมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งท่านี้ยังเป็นท่ายกกระชับกล้ามเนื้อ กระตุ้นให้ผิวหนังชั้นในและหลอดเลือดขับของเสียออกมาได้สะดวกยิ­­่งขึ้น 3. ไถเซลลูไลท์ให้เกลี้ยง      กำมือทั้งสองข้างให้แน่นพอสมควร คว่ำมือลงบนหน้าขา โดยที่มือหนึ่งคว่ำลงในแนวดิ่ง อีกมือหนึ่งวางตามขวาง  แล้วลงน้ำหนักข้อมือกดผิวเนื้อบริเวณนั้นจนปรากฎผิวเปลือกส้ม ท่านี้จะช่วยให้ไขมันส่วนเกินบริเวณที่ถูกนวดแตกตัว

น้ำมันมะพร้าว คืออะไร ?

                    น้ำมันมะพร้าว  ก็คือ น้ำมันที่ได้จากผลมะพร้าวนั่นเอง โดยนำมาสกัดแยกน้ำมันออกจากเนื้อมะพร้าวด้วยวิธีสกัดเย็น ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ใช้ความร้อนสูง และไม่ต้องผ่านกระบวนการแปรรูปทางเคมี น้ำมันที่ได้จึงมีลักษณะใสเหมือนน้ำ ไม่มีกลิ่นหืน อาจมีชิ้นเนื้อมะพร้าว และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมะพร้าวปนมาด้วย เพราะเหตุนี้เอง น้ำมันมะพร้าวจึงมีชื่อเรียกหลายชื่อ ทั้งน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extra Virgin Coconut Oil) น้ำมันมะพร้าวบีบเย็น น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็น    น้ำมันมะพร้าวเป็นของเหลวก็จริง แต่ก็สามารถกลายสถานะเป็นของแข็งได้ โดยน้ำมันมะพร้าวจะมีสถานะเป็นของเหลวที่อุณหภูมิสูงกว่า 25 องศาเซลเซียส และกลายสถานะเป็นของแข็งที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส

ขจัดเซลลูไลท์ได้ด้วยตนเอง

ขจัดเซลลูไลท์ได้ด้วยตนเอง  ด้วยวิธีง่ายๆดังนี้       1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแล้ว ยังช่วยทำให้ระบบในร่างกายเกิดความสุมดุลอีกด้วย แต่การออกกำลังกายที่ดีควรจะเป็นการเดินเร็ว ๆ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน กระโดดเชือก เต้นแอโรบิก และการออกกำลังกายใต้น้ำ ครั้งละ 30-40 นาทีขึ้นไป อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง การออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายออกไป ช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่เกณฑ์ที่เหมาะสม ทำให้กล้ามเนื้อตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลา ขอให้คุณใช้เวลาพักหรือเวลาที่ต้องทำงานให้เป็นประโยชน์ ด้วยการขึ้นลงบนไดแทนการขึ้นลิฟท์ ทำงานบ้าน เป็นต้น      2. ควบคุมอาหาร คุณควรลดละเลิกทั้งของหวานจัดและมันจัด แป้ง ไอศกรีม นมที่มีมันเนยสูง อาหารเค็มจัด และอาหารที่ผ่านกระบวนการแปลงสภาพ

น้ำมันมะรุมเพื่อผิวสวย

มะรุม  มาจากประเทศอินเดียและประเทศในแถบหิมาลัย   ในอินเดียน้ำมันมะรุมถูกใช้เป็นยาอายุรเวชและเป็นอาหาร ในตอนนี้ต้นมะรุมถูกปลูกอยู่ในหลายประเทศแล้วรวมถึงประเทศไทย ฟิลิปปิน และแอฟริกา นอกจากจะใช้เป็นยาและอาหารแล้ว น้ำมันมะรุมยังถูกใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่นให้กับเครื่องจักร และพลังงานเชื้อเพลิง เมื่อเมล็ดของต้นมะรุมถูกบีบกดจะมีน้ำมันสีเหลืองๆใสๆออกมา ซึ่งน้ำมันชนิดนี้เราจะเรียกกันว่าBen Oil หรือ Behen Oil เพราะมันมีความเข้มข้นของกรดเบเฮนนิค(Behenic Acid) และกรดไขมัน(Fatty Acid)สูงมาก เนื่องจากน้ำมันมะรุมมีสารแอนติออกซิแดนท์(Antioxidant)ที่คงความสดใหม่ให้กับเซลล์ตามธรรมชาติ มันจึงเป็นน้ำมันที่ความเสถียร(Stable), ป้องกันกลิ่นเหม็นหืน และมีอายุการใช้งานถึง 5 ปี น้ำมันมะรุมอุดมไปด้วยสารอาหาร มีสาร palmitoleic สูง, มี oleic และ linoleic acids, กรดไขมันที่ให้ความชุ่มชื้น

1 8 9 10 11 12