RSV มีชื่อเต็มว่า Respiratory Syncytial Virus เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ โดยเฉพาะส่วนมากจะไม่ค่อยแสดงอาการกับผู้ใหญ่ แต่จะแสดงอาการรุนแรงในทารกหรือเด็กเล็ก เด็กคลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีปัญหาโรคหัวใจ โรคปอด โรคหอบหืด หรือผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำมาก อาจก่อให้เกิดอาการรุนแรง และเป็นไวรัสที่สามารถทำให้เกิดอาการปอดอักเสบได้
การติดต่อของเชื้อไวรัส RSV มีลักษณะการติดต่อคล้ายไข้หวัด โดยสามารถติดต่อได้จากการไอ จาม น้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ติดเชื้อ นอกจากนี้เชื้อยังสามารถติดจากสิ่งของที่ผู้มีเชื้อไวรัสไปสัมผัสได้อีกด้วย ฉะนั้นควรล้างมือทุกครั้งก่อนคลุกคลีกับเด็กๆ
เนื่องจากโรคติดต่อเชื้อไวรัส RSV มีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดธรรมดาคุณพ่อคุณแม่เองควรสังเกตอย่างละเอียด ว่าลูกน้อยของคุณมีอาการแบบนี้หรือไม่
1. หอบเหนื่อย
2. หายใจแรง หายใจตื้นๆ สั่นๆและเร็ว
3. อารมณ์ไม่ดี
4. กินนมน้อยลง หรือกินอาหารน้อยกว่าปกติ
5. มีอาการซึมเศร้า
6. มีเสมหะออกมาในปริมาณที่มากกว่าปกติ
7. ไอ ออกมาเป็นเสียงโขลกๆ หรือมีเสียงหวีดๆ ในปอด (เกิดจากการที่เยื่อบุทางเดินหายใจบวมอักเสบและ หลอดลมหดตัว)
8. ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการถึงขั้นตัวเขียว เป็นต้น
ในปัจจุบันโรคไวรัสชนิดนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันหรือยารักษาโดยเฉพาะจึงต้องรักษาแบบประคับประคอง ไปตามอาการที่ป่วย เช่น การให้ยาแก้ไอละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม ยาลดไข้ เป็นต้น ส่วนในรายที่มีอาการรุนแรง มีอาการหอบ เหนื่อย มีค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ อาจจะต้องมีการพ่นยาขยายหลอดลมร่วมกับการให้ออกซิเจน หรือถึงขั้นต้องใส่ท่อช่วยหายใจหรือเครื่องช่วยหายใจด้วย แต่เราสามารถเฝ้าระวัง และ ป้องกันได้ดังนี้
• ล้างมือบ่อยๆ หรือล้างมือก่อนที่จะสัมผัสเด็กๆ
• หากมีการติดเชื้อหรือมีอาการ ควรสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ
• ถ้าเด็กมีอาการป่วย ควรแยกออกจากเด็กปกติและควรหยุดเรียนอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
• และที่สำคัญถ้ามีอาการควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการป่วย
ยิ่งในช่วงนี้ โดยเฉพาะภาคใต้เราที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการป้องกันลูกน้อยของคุณให้ห่างไกลจากการ เจ็บป่วย รวมทั้งตัวคุณพ่อคุณแม่เองด้วย การรักษาสุขลักษณะดังที่กล่าวข้างต้นก็จะช่วยลดโอกาสของการติดเชื้อไวรัส RSV ได้