มาทำความรู้จักกับ โรคเฮอร์แปงไจน่า กันเถอะ

ช่วงที่มี โรคมือ เท้า ปาก ระบาดแล้ว เรื่องตุ่มหรือแผลในปาก โดยเฉพาะที่เพดานปากในเด็ก ที่พบได้บ่อยอีกหนึ่งโรคคือ “เฮอร์แปงไจนา (Herpangina)” ความชุกและอัตราการเกิดโรคไม่ชัดเจน เนื่องจากอาการของโรคแยกยากจากโรคมือ เท้าปาก จึงมักมีรายงานโรครวมๆกัน

โรคเฮอร์แปงไจน่า หรือ โรคตุ่มแผลในปากเด็ก

โรค เฮอร์แปงไจน่า หรือ โรค ตุ่มแผลในปากเด็ก เป็นโรคที่ติดเชื้อจากไวรัสชนิดเดียวกันกับมือ เท้า ปาก
ซึ่งเป็นกลุ่มของ เอนเตอโรไวรัส แต่มีอาการที่แตกต่างกันคือจะมีแผลเฉพาะที่ปากเท่านั้น นอกจากจะมีแผลที่ปากแล้วจะมีผื่นขึ้น ที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าด้วย สามารถติดต่อกันได้ผ่านทางน้ำมูก ไอ จาม ลักษณะอาการจะมีไข้สูงประมาณ 39.5-40 องศาเซลเซียส และมีแผลในช่องปากบริเวณเพดานอ่อน ลิ้นไก่ ต่อมทอนซิล และในโพรงคอหอยด้านหลัง แต่ถ้าเป็นมือ เท้า ปาก ไข้จะไม่สูง และมีแผลกระจายอยู่ทั่วปาก รวมทั้งมีผื่นขึ้นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าด้วย

■ การติดต่อเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสหรือรับประทานสิ่งที่ปนเปือนกับเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย
หรืออุจจาระของผู้ที่ติดเชื้อโรคเฮอร์แปงไจน่า พบได้ในเด็กมากกว่าในผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กอายุน้อยกว่า 10 ปี เนื่องจากเด็กยังไม่มีภูมิต้านทานของเชื้อนี้ โดยเฉพาะเด็กที่อยู่รวมกันในโรงเรียนอนุบาล หรือสถานเลี้ยงเด็ก

■ โดยทั่วไปแล้วโรคเฮอร์แปงไจน่า มักจะมีอาการไม่รุนแรงยกเว้นไข้สูงแต่ก็ต้องระวังภาวะแทรกซ้อน
ที่สามารถ พบได้จากโรคนี้ เช่น การอักเสบของก้านสมอง กล้ามเนื้ออ่อนแรง และกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบซึ่งอาจรุนแรง ถึงขั้นเสีย ชีวิตได้ แต่ภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวพบได้น้อย ปัจจุบันยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสนี้โดยเฉพาะ ดังนั้นการรักษา จึงให้การรักษา ตามอาการ ให้ยาลดไข้ และยาชาทาแผลในปาก เพื่อบรรเทาอาการเจ็บโดยทั่วไปสามารถหายได้เอง เพียงแต่ต้องเฝ้า ระวังเรื่องภาวะแทรกซ้อนดังที่ได้กล่าวไป ถ้าหากเด็กรับประทานอาหารไม่ได้ หายใจหอบ มีอาการ แขนขาอ่อนแรง หรือชัก ควรรีบมาพบแพทย์

โรค เฮอร์แปงไจน่า หรือโรคตุ่มแผลในปากเด็ก การป้องกันโรคทำได้โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับผู้ที่ไม่สบาย รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ควรล้างมือ ให้สะอาด ก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้งด้วยน้ำและสบู่ หากลูกหลานไม่สบายควรให้หยุด เรียนเพื่อจะได้ลดการ แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น