9 ขั้นตอนในการดูแลเท้าของผู้ป่วยโรคเบาหวาน

การดูแลเรื่องบาดแผลที่เท้าในผู้ป่วยโรคเบาหวานนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากแผลของผู้ป่วยจะหายช้ากว่าปกติ และหากดูแลรักษาไม่ดีอาจมีโอกาสถูกตัดขา แต่ถ้ารู้จักวิธีการดูแลสุขภาพเท้าอย่างถูกต้องก็จะสามารถป้องกัน การเกิดแผลที่เท้าได้ 

การดูแลเท้าในผู้ป่วยเป็นเบาหวาน

วันนี้เรามี 9 ขั้นตอนในการดูแลเท้าของผู้ป่วยโรคเบาหวานมาแนะนำและลองปฏิบัติตาม ดังนี้

1. ล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ หลังอาบน้ำ เช้า-เย็น เช็ดเท้าให้แห้งด้วยผ้าที่สะอาดและนุ่มโดยเฉพาะตาม

ซอกนิ้วเท้า โดยหมั่นล้างทำความสะอาดทุกวัน จะช่วยป้องกันความอับชื้นซึ่งอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราได้

2. ควรตรวจเท้าด้วยตนเองทุกวัน เพื่อค้นหาความผิดปกติ เช่น ตาปลา หนังหนาๆ ตุ่มพุพอง รอยแตกของผิวหนัง

แผลอักเสบ ผิวคล้ำหรือซีดผิดปกติ เล็บขบ ส่วนบริเวณนิ้วเท้า ซอกนิ้วเท้า ส้นเท้า ฝ่าเท้าที่ยากต่อการดูอาจใช้ กระจกช่วยได้ เมื่อพบความผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที (ไม่ควรตัดตาปลาหรือหนังหนาๆ ด้วยตนเอง)

3. ทาโลชั่นเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นหลังอาบน้ำเช้า-เย็น โดยหยดโลชั่นลงบนฝ่ามือแล้วจึงลูบที่เท้าและหลีกเลี่ยง

การทาโลชั่นบริเวณซอกนิ้วเพื่อป้องกันการหมักหมม ส่วนคนที่ผิวหนังชื้น เหงื่อออกง่ายแนะนำเช็ดเท้าให้แห้ง และทาแป้งเพื่อลดความอับชื้นควรสวมถุงเท้า หรือถุงน่องทุกครั้งเมื่อสวมรองเท้า และหลีกเลี่ยงการสวมถุงเท้า หรือถุงน่องที่รัดแน่นจนเกินไป

4. สวมรองเท้าตลอดเวลาทั้งในบ้านและนอกบ้าน ห้ามเดินเท้าเปล่า รองเท้าต้องไม่หลวมหรือคับจนเกินไป

และก่อนใส่ต้องสำรวจดูสิ่งแปลกปลอมด้านในเสมอเพื่อป้องกันการเกิดบาดแผล

5. หลีกเลี่ยงการแช่เท้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา เพื่อไม่ให้ผิวหนังเปื่อยยุ่ยง่ายและต้องระมัดระวังในราย

ที่มือและเท้าชา การแช่น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนจัดเกินไปอาจทำให้เกิดการพุพองและติดเชื้อได้ง่าย

6. เมื่อเกิดบาดแผล ควรล้างทำความสะอาดแผลด้วยน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว หรือน้ำเกลือล้างแผลตามด้วย เบตาดีน

(หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์ ทิงเจอร์ไอโอดีน หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์) ถ้าแผลไม่หายเริ่มมีการอักเสบ ปวด บวม แดง จับดูร้อนๆ มีหนอง มีไข้ ควรรีบปรึกษาแพทย์

7. ตัดเล็บหลังจากอาบน้ำเสร็จ เพื่อให้เล็บนิ่มและตัดง่ายขึ้น และตัดเล็บอย่างถูกวิธี ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้   

  • ตัดเล็บให้ตรงพอดีกับความยาวของนิ้ว ไม่ตัดสั้นเกินไป เพื่อป้องกันการเกิดเล็บขบ
  • ตะไบเล็บให้โค้งตามรูปนิ้วด้วยความระมัดระวัง ตะไบไปในทางเดียวกันไม่ย้อนไปย้อนมา เพื่อป้องกันการเสียดสีกับผิวหนังรอบๆ เล็บ
  • ลบคมของเล็บโดยการใช้ตะไบฝนจากบนเล็บและหันปลายตะไบเข้าหาตัวเอง
  • กรณีพบว่ามีปัญหาของเล็บ เล็บหนา แข็ง ยากต่อการตัด เล็บขบ หรือปัญหาใดๆ ที่เกี่ยวกับเล็บ ควรรีบปรึกษาแพทย์

8. บริหารเท้าเป็นประจำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพื่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

และป้องกันข้อต่อยึดติด การยืดกล้ามเนื้อก่อนการบริหารเท้า สามารถทำได้ดังนี้

  • โดยนั่งเหยียดปลายเท้า กระดกปลายเท้าขึ้น จนรู้สึกน่องตึง ยืน ก้าวขาใดขาหนึ่งไปข้างหน้า เข่าหน้าย่อ เข่าหลังเหยียดตรง ส้นเท้าหลังติดพื้นแล้วตรง การยืดกล้ามเนื้อควรเกร็งค้างไว้ประมาณ 10-15 นาที ประมาณ 3-5 ครั้ง ต่อหนึ่งท่า  
  • ท่าที่สามารถใช้ในการออกกำลังกายได้ เช่น เขย่งปลายเท้าขึ้น-ลง กระดกปลายเท้าขึ้น-ลง กระดกปลายเท้าขึ้นสูง เหยียดปลายเท้าลงต่ำ หมุนฝ่าเท้าเข้าด้านใน เหยียดปลายเท้าลง สลับกับหมุนฝ่าเท้าออกด้านนอก กระดกข้อเท้าขึ้นสูง หมุนข้อเท้าในลักษณะตามเข็มนาฬิกา สลับทวนเข็นนาฬิกา กาง-หุบนิ้วเท้า งอ-เหยียดนิ้วเท้า

9. งดการสูบบุหรี่ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่สำคัญของการเกิดเส้นเลือดตีบตัน และการสูญเสียเท้า

ดูแลเท้าผู้ป่วยเบาหวาน

การตรวจดูเท้าทุกวันเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจะต้องทำในชีวิตประจำวัน และมีความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องการดูแล เท้า และไปพบแพทย์ตามนีดอย่างสม่ำเสมอ เชื่อมั่นได้เลยว่าจะไม่ต้องสูญเสียเท้าหรือขาไปอย่างแน่นอน