Challenge 7 วันกับเซเลอรี่ ผักสายฝ.

Challenge 7 วันกับเซเลอรี่ ผักสายฝ.

เซเลอรี่_1040x1040

     ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเทรนด์รักสุขภาพช่วงนี้กำลังมาแรงแซงทุกโค้งเลยแหละ จะเห็นว่าคนทุกเพศ เกือบทุกวัยหันมาใส่ใจ ดูแลสุขภาพกันมากขึ้นทั้งการออกกำลังกาย การทานอาหารคลีน รวมถึงการดื่มน้ำจากผลไม้คั้นสด หรือปั่นสดเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด อย่างตอนนี้เทรนด์ที่กำลังมาก็คือ การดื่มน้ำเซเลอรี่ เพื่อขับของเสียออกจากร่างกายนั่นเอง หากใครเป็นสายรักสุขภาพ หรืออยากหันมาดูแลสุขภาพตัวเองก็มาลองดูกันว่าเซเลอรี่จะเป็นตัวช่วยในเรื่องสุขภาพให้คุณได้แค่ไหน

ผักสายฝ. เป็นยังไง?

      เซเลอรี่ ( CELERY ) หรือ ขึ้นฉ่ายฝรั่ง มีขนาดลำต้นและก้านใบอวบใหญ่กว่าขึ้นฉ่ายจีน เป็นผักที่ให้พลังงานต่ำ โดยก้านใบมีน้ำปริมาณมาก มีกลิ่นฉุนเล็กน้อยและมีเส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งน้ำที่อยู่ในก้านใบจะทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้นเมื่อทานเข้าไปก่อนที่จะกินอาหารมื้อหลักหรือทานเล่นแทนขนมและของหวาน

     ขึ้นฉ่ายฝรั่ง 100 กรัมนั้น ให้พลังงานเพียงแค่ 13 กิโลแคลอรี่เท่านั้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมหรือลดน้ำหนักสามารถทานขึ้นฉ่ายฝรั่งได้ โดยเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำจะเข้าไปเพิ่มปริมาณกากใยอาหารในลำไส้ ช่วยให้เรารู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดอาการหิวได้เป็นอย่างดีเลยแหละ

 

คุณค่าในเซเลอรี่ที่ตอบโจทย์สุขภาพ

เซเลอรี่เป็นผักที่มีสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

  • แคลเซียม  ขึ้นฉ่ายฝรั่ง 100 กรัม มีแคลเซียมถึง 40 มิลลิกรัม ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย ข้อกระดูก บำรุงเส้นเอ็น และยังช่วยป้องกันกระดูกพรุนได้อีกด้วย สำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์และเด็กที่อยู่ในภาวะเป็นโรคกระดูกอ่อนจึงควรทานเป็นอย่างมาก

  • โพแทสเซียม  ในขึ้นฉ่ายฝรั่งมีปริมาณโพแทสเซียมสูง ก้านและใบยังมีฤทธิ์อ่อนๆในการขับปัสสาวะ เร่งกระบวนการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย โดยเฉพาะกรดยูริกที่สะสมอยู่ในร่างกายที่เป็นสาเหตุของโรคเกาต์ ช่วยลดอาการบวมน้ำ ลดอาการท้องอืด ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ดีโดยเฉพาะหัวใจ และถ้าร่างกายได้รับโพแทสเซียมในปริมาณพอสมควรจะช่วยปรับระดับความดันโลหิตให้สมดุลได้ แต่ไม่ควรรับโพแทสเซียมมากเกินความจำเป็น เนื่องจากจะทำให้เป็นโรคไตได้หากร่างกายของเราขับออกมาได้ไม่หมด

  • เบต้าแคโรทีน  เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งรังไข่ และเบต้าแคโรทีนหากย่อยสลายแล้วจะกลายเป็นวิตามินเอ ซึ่งช่วยในการมองเห็น ทำให้ดวงตาแข็งแรงมากขึ้น ยังช่วยชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา ลดการเสื่อมของเซลล์ลูกตา และถ้านำขึ้นฉ่ายฝรั่งไปบดกับน้ำมันจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้เบต้าแคโรทีนทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

  • วิตามินซี  ในขึ้นฉ่ายฝรั่งจะมีวิตามินซีสูงมาก โดยวิตามินซีคอยเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิต้านทานโรคในร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้น สามารถต้านทานต่อแบคทีเรียและไวรัสที่จะทำให้เกิดโรคได้ ช่วยป้องกันโรคหวัด โรคภูมิแพ้ เลือดออกตามไรฟัน และช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส

  • โซเดียม  ในเซเลอรี่จัดเป็นโซเดียมอินทรีย์ช่วยปรับสมดุลความเป็นกรดและด่างในเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อร่างกายรักษาสมดุลความเป็นกรด - ด่างได้จะป้องกันการเกิดโรคไต

  • สารเอพิจินิน  มีฤทธิ์ในการลดปริมาณสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย สงบ แถมยังช่วยให้หลับสนิท และยังมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง

 

ไม่ว่าจะกินหรือดื่มก็ดีต่อร่างกาย

     เซเลอรี่เป็นผักที่สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายทั้งผัด ต้ม หรือกินดิบ รวมทั้งนำมาปั่นหรือคั้นเพียงอย่างเดียว หรือจะนำมาปั่นกับผักผลไม้ชนิดอื่นเพื่อให้รสชาติอร่อยขึ้นได้ โดยการนำเซเลอรี่มาปั่นหรือคั้นเป็นน้ำนั้นเป็นวิธีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้ที่มีการทำ Challenge 7 วันกับน้ำเซเลอรี่ ซึ่งการปั่นหรือคั้นเซเลอรี่ครวแยกกากออกเพื่อจะได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่และจะเป็นการขับของเสียออกจากร่างกายโดยตรงเลย และมาดูกันว่าประโยชน์ที่จะได้รับไปเต็มๆจากการกิน และดื่มมีอะไรบ้าง

  • ลดความดันโลหิตสูง

   เซเลอรี่มีสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของหลอดเลือด ช่วยควบคุมความดันโลหิต และยังช่วยบำรุงหลอดเลือดกับหัวใจให้แข็งแรง

  • ลดคอเลสเตอรอล

   เซเลอรี่มีสรรพคุณช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด กำจัดคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) ใยอาหารจะช่วยลดการดูดซึมไขมันและคอเลสเตอรอลให้ออกไปจากร่างกาย ทั้งยังลดระดับน้ำตาล รวมถึงช่วยควบคุมน้ำตาลชนิดไตรกลีเซอไรด์และระดับไขมันในเลือดได้อีกด้วย

  • ดีท็อกซ์ลำไส้

   ในเซเลอรี่มีสารไฟโตนิวเทรียนส์ช่วยเสริมสร้างระบบย่อยอาหาร ช่วยปรับสมดุลกรดและด่างในเลือดได้เป็นอย่างดี เป็นตัวช่วยเร่งกระบวนการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ขับสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ได้อย่างดี ซึ่งก็คือ เป็นตัวที่ทำให้เราถ่ายได้ดีกว่าปกตินั่นเอง

  • ช่วยให้ผิวสะอาด

   เซเลอรี่มีคุณสมบัติในการฟอกเลือดและขับสารพิษออกจากรูขุมขน เมื่อรูขุมขนไม่มีสิ่งตกค้าง ผิวหนังก็จะสะอาด และเซเลอรี่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมาก เมื่อดื่มน้ำเซเลอรี่ทำให้เลือดมีปริมาณน้ำเลือดมากขึ้น เมื่อไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆในร่างกายเซลล์จะไม่ขาดน้ำ รวมไปถึงเซลล์ผิวหนัง ทําให้ผิวชุ่มชื่น เนียนนุ่มขึ้น

 

Challenge 7 วันทำอย่างไร

      การทำ Challenge เซเลอรี่ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่นำเซเลอรี่ปลอดสารเคมี(ออร์แกนิค) มาล้างให้สะอาดและนำไปปั่นแล้วแยกกากออก หรือคั้นก็ได้แต่ต้องไม่ผสมน้ำเปล่า น้ำแข็งหรืออย่างอื่นเข้าไปเลย เราต้องใช้แค่เซเลอรี่เพียงอย่างเดียวให้ได้น้ำประมาณ 500 ml. ดื่มเมื่อตื่นนอนตอนเช้าก่อนอาหาร (ตอนท้องว่าง) เมื่อดื่มเสร็จควรพักช่วงสักประมาณ 15 - 30 นาที ค่อยทานอาหารได้ตามปกติ ทำอย่างนี้ติดต่อกัน 7 วัน

      ซึ่งการทำ Challenge 7 วันนี้เป็นเสมือนการช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ และช่วยเรื่องผิวพรรณอย่างเห็นผลได้ชัด เพราะเราจะถ่ายได้คล่องขึ้นเหมือนเป็นการฝึกให้เราถ่ายท้องเป็นประจำและตรงเวลานั่นเอง และยังช่วยลดอาการบวมน้ำ ลดปัญหาสิว หรือผดผื่นที่ชอบขึ้นตามตัวหรือใบหน้าได้อีกด้วย แต่การดื่มน้ำเซเลอรี่นั้นควรใช้หลอดแทนการดื่มจากแก้วโดยตรงเพื่อลดการได้กลิ่นสัมผัสจากเซเลอรี่ที่มีกลิ่นฉุน

 

ระวังสักหน่อย!! ถ้าคิดจะทานเซเลอรี่

      ในการกิน หรือดื่มน้ำเซเลอรี่นั้นไม่มีข้อควรระวังอะไรมาก แต่เซเลอรี่อาจไม่เหมาะกับเด็ก เพราะเซเลอรี่เป็นผักที่มีกลิ่นฉุน เด็กๆอาจจะไม่ชอบ และใครที่ต้องการมีลูกไม่ควรทานมากเกินไป เนื่องจากเซเลอรี่จะไปลดปริมาณการสร้างอสุจิของคุณผู้ชาย และสำหรับผู้สูงอายุที่เป็นโรคไตไม่ควรทานเซเลอรี่มากเกินไป เพราะในเซเลอรี่มีโพเเทสเซียมเยอะจึงจะขับออกได้ยาก และอาจจะทำให้ไตทำงานบกพร่องกว่าเดิมได้

      และสำหรับผู้ที่ทำ Challenge 7 วัน การดื่มในช่วงวันสองวันแรก หรืออาจมากกว่านั้นเเล้วแต่บุคคลจะมีอาการแพ้ เช่น มึนศีรษะ ปวดหัว อยากอาเจียน เป็นต้น ซึ่งไม่ต้องตกใจไปมันเป็นเพียงอาการเบื้องต้นสำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยดื่มน้ำเซเลอรี่อย่างเดียวเท่านั้น และควรเลือกทานเซเลอรี่ที่ปลอดสารเคมี(ออร์แกนิค) เพื่อความปลอดภัย และปราศจากสารพิษตกค้างที่มากับผักด้วย

 

☘️ มุมสาระน่ารู้ TardHealth info

ความรู้เพื่อสุขภาพ รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ By TaradHealth

ข้อมูลเพิ่มเติม»

เรื่องที่คุณอาจสนใจ