ซิฟิลิส โรคใกล้ตัว ไม่น่ากลัวถ้ารักษาทัน

ซิฟิลิส โรคใกล้ตัว ไม่น่ากลัวถ้ารักษาทัน

     

       หากใครได้ดูละครทองเนื้อเก้า ในตอนจบจะเห็นว่าตัวเอกของเรื่องอย่างลำยองนั้นป่วยเป็นโรคโรคหนึ่งที่ดูน่ากลัว เหมือนจะรักษาไม่ได้ และภายในไม่กี่วันมานี้คงเห็นข่าวกันมาบ้างแล้วว่า ... มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ไม่น้อยในสมัยก่อน และกำลังกลับมาอีกครั้งในปัจจุบัน นั่นก็คือ ซิฟิลิส (Syphilis) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema Pallidum โดยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เหมือนจะน่ากลัว เพราะไม่แสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน แต่ในความเป็นจริงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหากเราดูแลตัวเอง และรักษาได้ทันท่วงที รวมถึงรู้จักการป้องกันที่ถูกวิธีนั่นเอง

 

ซิฟิลิส ติดต่อกันได้ไหม?

ซิฟิลิส โรคที่สามารถติดต่อกันได้ 3 ทาง

  •  ทางเพศสัมพันธ์

  •  ทางผิวหนัง เยื่อบุตา ปาก โดยติดต่อผ่านการสัมผัสแผลที่มีเชื้อ

  •  ทางสายเลือด คือ จากแม่สู่ลูก ถ้าแม่เป็นซิฟิลิสจะถ่ายทอดโรคเข้าสู่เด็กในครรภ์ได้

 

อาการของโรค

ซิฟิลิสจะมีอาการหลากหลายแบบขึ้นอยู่กับระยะของโรค แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ

      ระยะที่ 1 มักจะมีแผลเล็กๆแผลเดียวเป็นแผลริมแข็งขึ้นที่อวัยวะเพศชาย อัณฑะ ทวารหนัก ช่องคลอด เป็นต้น ไม่รู้สึกเจ็บหรือปวด สามารถหายเองได้ในเวลา 1 - 5 สัปดาห์ แม้ไม่ได้รักษาเลยก็ตาม และถึงแม้แผลจะหายไปร่างกายเรายังคงมีเชื้อซิฟิลิสในกระแสเลือดอยู่ หากไม่ได้รับการรักษาในระยะแรกจนเลยมาประมาณ 6 - 8สัปดาห์ ซิฟิลิสจะเข้าสู่ระยะที่ 2

       ระยะที่ 2 เชื้อจะกระจายไปตามกระแสเลือดทำให้เป็นไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตามข้อ มีผื่นแดงขึ้นตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า บางคนอาจขึ้นตามตัวหรือกระจายไปทั่วร่างกาย โดยที่ไม่คัน มีผมร่วงเป็นหย่อมๆ และอาจพบหูดในบริเวณที่อับชื้นอย่าง รักแร้ ขาหนีบ ทวารหนัก และอาจพบผื่นสีเทาในปาก คอ และมดลูก ในระยะนี้จะเป็นอยู่ประมาณ 1 – 3 เดือนและจะหายไปเอง ซึ่งอาจกลับมาเป็นซ้ำอีกได้ และหากยังไม่ทำการรักษาก็จะเข้าสู่ระยะที่ 3 ได้

      ระยะที่ 3 หรือระยะแฝง อาการในระยะแฝงนี้จะไม่แสดงอาการใดๆเลย ซึ่งอาจใช้เวลานานเป็นปี หรือหายสนิทไม่มีอาการกลับขึ้นมาอีกเลยก็ได้ เราจึงควรไปเจาะเลือดตรวจว่าเป็นซิฟิลิสหรือไม่เพื่อความมั่นใจ และถ้าผู้หญิงที่มีเชื้อซิฟิลิสเข้าสู่ระยะที่ 3 ตั้งครรภ์ เชื้อจะถ่ายทอดไปสู่ลูกในครรภ์ได้

       ระยะที่ 4 เชื้อจะเข้าไปทำลายอวัยวะต่างๆภายในทั้งสมอง ระบบประสาท ตา หัวใจ เส้นเลือด ตับ กระดูก และข้อต่อ เป็นต้น จนเกิดความผิดปกติอาจทำให้ตาบอด หูหนวก กระดูกหักง่าย เยื่อหุ้มไขสันหลังอักเสบ ความจำเสื่อม ถ้ารักษาไม่ทันอวัยวะต่างๆจะถูกทำลายจนไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้อีก ส่วนเด็กในครรภ์ที่ได้รับเชื้อจากแม่จะเกิดความผิดปกติด้วยเช่นกันอาจพิการ เสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์ หรือเสียชีวิตหลังคลอดได้

 

ซิฟิลิสสามารถรักษาได้

        สำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคซิฟิลิสอย่าได้กังวลไปเลย เพราะหากตรวจพบเชื้อตั้งแต่ระยะแรกก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยการทานยาปฎิชีวนะเพนนิซิลลิน เป็นเวลา 1 – 3 สัปดาห์ ส่วนระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่เป็นด้วย แต่เมื่อรักษาหายแล้วควรกลับมาตรวจซ้ำอีกทุกๆ 3 เดือน จนครบ 3 ปี เพราะอาจมีเชื้อหลบซ่อนแอบแฝงอยู่ก็เป็นได้ และเพื่อความแน่ใจด้วยว่าเราหายขาดจากโรคนี้แล้ว 

        แต่เราควรเข้ารับการตรวจภายใน รวมถึงการตรวจหาเชื้อซิฟิลิส หากเราเคยมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน หรือถ้ามีคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ด้วยเป็นโรคซิฟิลิส ซึ่งโดยปกติ คนที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์ควรได้รับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ประมาณปีละครั้ง และสามารถถามแพทย์ได้ว่าเราควรจะต้องตรวจหาเชื้อซิฟิลิสหรือไม่ เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกัน และการรักษาได้ทันหากพบว่ามีเชื้อซิฟิลิสในร่างกาย

 

มารู้จักการป้องกันซิฟิลิสกันเถอะ

  •  สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์

  •  ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย

  •  ถ้าจะแต่งงาน คู่รักควรไปตรวจเลือดก่อน หากใครเป็นจะได้รักษาให้หายขาดได้

  •  หากสงสัยว่าจะเป็นซิฟิลิส ควรไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อรับการรักษาได้ทันท่วงที

  •  ผู้หญิงตั้งครรภ์ ควรได้รับการตรวจคัดกรองซิฟิลิสระหว่างตั้งครรภ์

  •  หมั่นสังเกตความผิดปกติบนร่างกายตนเองอยู่เสมอ

 

       สุดท้ายนี้ ... น้องแว่นใส ขอฝากทุกๆคนไว้ด้วยนะว่า อย่าอายที่จะไปตรวจภายใน หรือตรวจหาเชื้อซิฟิลิสกันเลย เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวมากที่เราไม่ควรมองข้าม และแว่นใสขอเตือนอีกข้อนะ อย่าเปลี่ยนคู่นอนบ่อย พกถุงยางอนามันกันไว้ด้วยถ้าไม่อยากติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์นะจ๊ะ

 

☘️ มุมสาระน่ารู้ TardHealth info

ความรู้เพื่อสุขภาพ รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ By TaradHealth

ข้อมูลเพิ่มเติม»

เรื่องที่คุณอาจสนใจ