ขับสารพิษ ล้างลำไส้ไปกับการ “ดีท็อกซ์”

ขับสารพิษล้างลำไส้_1040x1040

 

ดีท็อกซ์ (Detox) คืออะไร?

Detox ย่อมาจาก Detoxification หรือ การดีท็อกซ์ และเรียกได้อีกอย่างว่าเป็น “การล้างพิษ” คือ การขับสารพิษ หรือการกำจัดของเสียที่ตกค้างออกจากร่างกายด้วยวิธีที่เร็วที่สุด โดยป้องกันไม่ให้ร่างกายเสียสมดุล ซึ่งสารพิษเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกายของมนุษย์ สภาวะแวดล้อมที่ไม่สะอาด หรือจากการกินอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้เกิดสารพิษสะสมตามร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆหากปล่อยไว้นานร่างกายจะเตือนออกมาผ่านอาการเจ็บป่วย

 

ร่างกายต้องดีท็อกซ์บ้างนะ

    เมื่อผลเสียจากอาหารที่เรากินเข้าไป หรือจากสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีนั้นเกิดการสะสมมากขึ้นเรื่อยๆที่ลำไส้จึงส่งผลต่อสุขภาพของเรา เช่น ระบบการเผาผลาญทำงานได้ช้าลง ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หน้าท้องป่อง ย่อยอาหารได้ช้าลง ท้องผูกเป็นประจำ ขับถ่ายไม่เป็นเวลา ถ่ายไม่สุด มีกลิ่นปาก มีกรดในกระเพาะอาหารทำให้เรอบ่อย นอนหลับยาก ไม่สดชื่น ผิวหนังแห้งและเหี่ยวย่น มีสิวขึ้น มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง เป็นต้น

    และนี่คือปัจจัยสำคัญที่เป็นสัญญาณบ่งบอกได้ว่าร่างกายเราต้องได้รับการดูแลบ้างแล้ว ซึ่งการดูแลเป็นการขจัดของเสียและขับสารพิษออกจากร่างกายด้วยการดีท็อกซ์ลำไส้นั่นเอง ซึ่งการดีท็อกซ์

  • สามารถช่วยทำความสะอาดลำไส้และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย ลดการสะสมของของเสียและสารพิษ

  • ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายให้ลำไส้ หรือระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น

  • ทำให้ระบบการทำงานในร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • ช่วยให้พุงลดลง ลดอาการบวมน้ำ

  • ช่วยดูดซับไขมันเลวให้ออกมาพร้อมอุจจาระ

  • ทำให้ร่างกายดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม

  • ช่วยให้ผิวพรรณสดใส สิวและผดผื่นลดลง

 

วิธีดีท็อกซ์แบบไหน? ตอบโจทย์คุณ

  1.  ดีท็อกซ์ด้วยการกิน

วิธีนี้เป็นการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายด้วยการกิน ซึ่งจะเป็นการกินอาหารที่มีประโยชน์เต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยดีท็อกซ์ร่างกายได้ เลี่ยงอาหารที่มีสารปนเปื้อนอย่าง อาหารหมักดอง อาหารขัดขาว อาหารสำเร็จรูป อาหารที่ผ่านการฟอกสี  โดยหันมากินอาหารที่ทำเอง อาหารที่มีความสดใหม่ กินผักผลไม้มากขึ้น และรวมถึงการดื่มน้ำผักผลไม้คั้นสดอย่างเดียวแบบไม่ผสมอะไรเลยเพื่อดีท็อกซ์ร่างกาย เช่น น้ำเซเลอรี่คั้นสด น้ำแตงกวาคั้นสด น้ำอุ่นผสมมะนาว นมสดกับกล้วยน้ำว้า เป็นต้น โดยดื่มติดต่อกัน 7 วัน และดื่มหลังตื่นนอนตอนท้องว่างจะช่วยดีท็อกซ์ของเสียได้เป็นอย่างดี

  1.   ดีท็อกซ์ด้วยการอดอาหาร

เป็นทางเลือกหนึ่งที่หลายๆคนคงได้ยินกันมาบ้างประกอบกับมีคนบางกลุ่มนิยมทำกัน วิธีการนี้จะช่วยให้ร่างกายได้รับการพักผ่อน โดยเฉพาะระบบย่อยอาหารที่เสมือนเป็นการจำศีล การดีท็อกซ์ด้วยการอดอาหารนั้นมีความแตกต่างกันออกไปแล้วแต่คอร์สที่เราเลือก ซึ่งปกติจะใช้เวลา 2 – 3 วัน แต่จะมีการทดแทนการอดอาหารด้วยการดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผักผลไม้แต่ละชนิดแทน

  1.   ดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้

วิธีนี้นับว่าเป็นการดีท็อกซ์ด้วยการแพทย์ทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วและเห็นผลได้อย่างทันตา แต่การดีท็อกซ์ด้วยการสวนลำไส้ต้องหาข้อมูลและศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจทำ ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ซึ่งการดีท็อกซ์นี้เป็นการกำจัดสารพิษตกค้างภายในลำไส้ ช่วยลดอาการท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม

 

ช่วงเวลาดีท็อกซ์ส่งผลต่อร่างกาย

  • ช่วงเช้า   ตั้งแต่เวลา 5.00 – 12.00 น. ขณะที่ท้องว่าง หรือก่อนอาหารเช้า เหมาะกับคนที่ต้องการลดความอ้วน และลดพุง

  • ช่วงบ่าย  ตั้งแต่เวลา 13.00 – 15.00 น. เหมาะกับคนที่ต้องการให้ช่วยเรื่องของระบบย่อยในลำไส้เล็ก

  • ช่วงเย็น   ก่อนเข้านอนสัก 1 – 2 ชั่วโมง ขณะที่ท้องว่าง เหมาะกับคนที่ต้องการลดความอ้วน ลดพุง และยังช่วยในเรื่องระบบย่อยอาหารได้ด้วย

 

 

☘️ มุมสาระน่ารู้ TardHealth info

ความรู้เพื่อสุขภาพ รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ By TaradHealth

ข้อมูลเพิ่มเติม»

เรื่องที่คุณอาจสนใจ