น้ำมันงาขี้ม้อน (Perilla Oil)

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 500 มิลลิกรัม/แคปซูล ประกอบด้วย

  • กรดไลโนเลนิค/โอเมก้า3 (Linolenic Acid/Omega3) 312mg.        62.4%
  • กรดไลโนเลอิค/โอเมก้า6 (Linoleic Acid/Omega6) 79mg.          15.84%
  • กรดโอเลอิค/โอเมก้า9 (Oleic Acid/Omega9) 59mg.                  11.14%
  • โปรตีน (Protein) 1.5mg.                                                                0.3%
  • วิตามินอี (Vitamin E) 0.21mg.                                                        0.7%
cold pressed oil, produce from natural products 100%

>> รับประทานวันละ 2 แคปซูล พร้อมหรือหลังอาหาร <<

"กินงา มีคุณค่าดังได้หยก" สำนวนนี้สะท้อนถึงสรรพคุณอันล้ำเลิศของ "งา" ในสายตาชาวจีนโบราณ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า "หยก" เป็นอัญมณีสูงค่าเพียงใดในสังคมจีน และทราบหรือไม่ว่า คนโบราณรู้จักนำ "งา" มาเป็นอาหารนานกว่า 5,000 ปีแล้ว

เดิมนั้นงาเป็นพืชพื้นเมืองของเอเชีย หรือตะวันออกของแอฟริกา แต่ปัจจุบันพบได้ในพื้นที่เขตร้อน และกึ่งร้อน ส่วนชาวจีนรู้จักคุณค่าของงามานมนาน โดยนิยมกินงาเพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ นอกจากนั้นพวกเขายังเผาเมล็ดงาเพื่อใช้ทำ แท่งหมึกจีนที่มีคุณภาพดี ส่วนชาวโรมันบดเมล็ดงาผสมขนมปังเป็นอาหารรสดี ชาวไทยก็มีขนมที่ใช้เมล็ดงา เรียกว่า ขนมงาตัด ใช้งากวนกับน้ำตาล แล้วตัดเป็นแผ่น

 

"งา" มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum indicum Linn. ชื่ออื่นๆ คือ งาดำ งาขาว เป็นไม้ล้มลุก ผลเป็นฝัก มีเมล็ดเล็กๆ สีขาวหรือสีดำ มีการเพาะปลูกมานาน ต้นงานั้นมีความสูงระหว่าง 0.5 - 2.5 เมตร ขึ้นกับสภาพที่ปลูก บางพันธุ์ก็มี

กิ่งก้าน บ้างก็ไม่มี ในแกนหนึ่งมีดอกราว 3 ดอก เมล็ดนั้นมีสีขาวยาวราว 3 มิลลิเมตร เมื่อแห้ง เปลือกเมล็ดจะเปิดอ้า และเมล็ด จะหลุดออกมา การเก็บงาจึงต้องอาศัยแรงงานคนเพื่อมิให้เมล็ดงาร่วงหล่น ภายหลังเมื่อไม่นานมานี้ มีการพัฒนาพันธุ์มิให้เมล็ด แตกกระจาย ทำให้สามารถเก็บด้วยเครื่องจักรได้

 

"งา" เมล็ดพืชเล็กจิ๋วที่อุดมไปด้วยสารอาหารมี 2 แบบ คือ งาดำ และงาขาว นอกจากนี้ยังมีน้ำมันงาที่ใช้ปรุง อาหารได้ดี เพราะมีกลิ่นหอม และกรดไขมันที่มีประโยชน์ โปรตีนในงามีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย คือ กรดอะมิโนเมธิโอนีน (ในถั่วเหลืองมีกรดอะมิโนที่จำเป็นตัวนี้น้อยกว่า) และยังมีสารที่สกัดจากงาชื่อว่า เซซามิน ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งตับด้วย ชาวมังสวิรัติจึงนิยมโรยงาลงไปในอาหารถั่วเหลืองที่ปรุงแล้ว เพื่อให้มีสารโปรตีนสมบูรณ์มากขึ้น

 

"งา" เป็นอาหารที่สามารถบำรุงกำลังได้เป็นอย่างดี และยังให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า นอกจากนี้ยังป้องกันโรคเหน็บชา ป้องกันอาการท้องผูก บำรุงกระดูก บำรุงรากผม รักษาอาการนอนไม่หลับ และยังช่วยควบคุมระดับ คอเลสเตอรอลไม่ให้มีมากเกินไป ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแข็งตัว โรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดบางชนิด น้ำมันงาใช้ทาผม จะทำให้ผมดำเป็นมันวาว ไม่แห้งแตกปลายแก้ปัญหาผมร่วง และใช้ทาผิวเพื่อให้ความชุ่มชื้น ลดรอยหยาบกร้าน ช่วยให้ผิวพรรณผุดผ่อง

เมื่อพูดถึง งาบ้านเราส่วนใหญ่จะรู้จักแต่ งาดำ และงาขาวซึ่งมีลักษณะเป็นเม็ดแบนเล็กๆสีดำและสีขาวตามที่น้องไก่ได้นำรายละเอียดมาให้รู้จักแล้วงาดำ-งาขาว แต่ถ้าเป็นคนภาคเหนือจะรู้จักงาอีกชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นเม็ดกลมๆเล็กๆสีน้ำตาลเรียก "งาขี้ม้อน" เป็นพืชพื้นถิ่นทางภาคเหนือที่มักปลูกกันมากบนดอย งาขี้ม้อนเป็นงาพื้นเมืองซึ่ง มีกลิ่นเฉพาะตัว ให้ผลผลิตมากในช่วงต้นฤดูหนาว

 

งาขี้ม้อน สรรพคุณของ งาขี้ม้อน มีกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูง กรดนี้ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอลไม่ให้มีมากเกินไป ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแข็ง นอกจากนี้ยังมีผุ้สะกัดเอาสารจากงาขี้ม้อน ไปทำเครื่องสำอางค์บำรุงผิวอีกด้วย

คนเหนือจะนำงาขี้ม้อนนี้มาทำอาหารกินเล่น โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว นอกจากข้าวหลามเผาสุกใหม่แล้ว ... เด็กๆจะชอบกันมากหากได้นั่งผิงไฟ และกินข้าวเหนียวผสมงาขี้ม้อน ซึ่งเรียกว่า "ข้าวหนุกงา" บางท้องถิ่นเรียกว่าข้าวเหนียวงา บางท้องถิ่นเรียก ว่าข้าวแดกงาก็มี ,ข้าวหนุกงานั้น มีส่วนผสมสำคัญคือข้าวเหนียวนึ่งสุก งาขี้ม้อนและเกลือ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะกับเด็กๆ เพราะทั้งมีคุณค่าและอร่อย

 

เม็ดกลมเล็กสีน้ำตาลหม่น เป็นพืชพื้นถิ่นทางภาคเหนือที่มักปลูกกันมากบนภูเขา ชอบความชุ่มชื้นและทนกับความแห้งแล้งได้ดี ฤดูฝนจะเติบโตให้ผลผลิตดีกว่าฤดูกาลอื่น ใช้เวลาปลูกเพียง 4 เดือน ก็เก็บเกี่ยวได้

แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี ข้อมูลทางอาหาร ชาวล้านนาใช้งาขี้ม้อนทำของว่างชื่อ “ข้าวหนุกงา” โดยนำงาขี้ม้อนมาคั่ว โขลกพร้อมกับเกลือ นำไปคลุกเคล้ากับข้าวนึ่งร้อนๆ

 

"งาขี้ม้อน" มีกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูง กรดนี้ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอลไม่ให้มีมากเกินไป ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแข็ง ป้องกันโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดบางชนิด ช่วยแก้อาการไม่สบายต่าง ๆ ที่เกิดจากระบบประสาท เช่น นอนไม่หลับ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เป็นเหน็บชา ปวดเส้นตามตัว แขน ขา เบื่ออาหาร ท้องผูก เมื่อยสายตา ควรหันมารบประทานงาเป็นประจำ และยังช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในเลือด ที่สำคัญงายังเป็นอาหารต้านมะเร็งอีกด้วย นักวิทยาศาสตร์หลายท่านกล่าวว่าสาร "เซซามอล" ที่มีอยู่ในงานั้นป้องกันมะเร็งได้ และยังทำให้ร่างกายแก่ช้าลงอีกด้วย นำเมล็ดมาตำประคบแก้อาการข้อพลิก (โครงการพิพิธภัณฑ์ชาวเขาออนไลน์, 2550)

 

งาม้อนพืชวิเศษสุดให้โอเมก้า 3 ทดแทนปลาทะเลน้ำลึก

งาม้อนหรืองาขี้ม้อน เป็นพืชสมุนไพรที่มีประวัติการใช้เป็นอาหาร และยาในประเทศทางแถบเอเชียมานานแล้ว สำหรับประเทศไทย

งาขี้ม้อน เป็นพืชที่ปลูกกันมานานในพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด เช่น จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน เป็นต้น

 

งาม้อนอุดมด้วยวิตามินบีและแคลเซียม

งาม้อน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง งาม้อนมีกรดไขมันอิ่มตัวสูง มีฟอสฟอรัส และแคลเซียมมากกว่าพืชผักทั่วไปหลายเท่า

มีแคลเซียม 410-485 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม นอกจากนั้นยังอุดมด้วยวิตามินบี และมีสารเซซามอลที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนกล่าวว่า สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งและยังช่วยให้ร่างกายแก่ช้าลงอีกด้วย มีข้อมูลจากห้องปฏิบัติการ โภชนาการหน่วยบริการการวิจัยด้านอาหาร กรมวิชาการ-เกษตรแห่งสหรัฐอเมริการะบุว่า บุคคลทั่วไปอายุ 10-18 ปี และอายุ 19-65 ปี ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน และอายุมากกว่า 65 ปี ต้องการแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัมต่อวัน

"งาขี้ม้อน มีโอเมก้า 3 ถึงร้อยละ 56 และเป็นโอเมก้า 6 ร้อยละ 23  เมื่อพูดถึงโอเมก้า 3 หลายคนคงนึกถึงน้ำมันปลา (fish oil) ซึ่งสกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึก ที่มีสรรพคุณบำรุงสมอง"

แต่ราษฎรที่อยู่ตามยอดดอยต่างๆ ในภาคเหนือของประเทศไทย อยู่ห่างไกลทะเล คงไม่สามารถหาปลาทะเลน้ำลึกมา รับประทานได้ แต่ปรากฏว่าชาวเขาชาวดอยเหล่านั้นไม่ได้ขาดโอเมก้า 3 เลย เนื่องจากเขามีพืชที่วิเศษที่เป็นแหล่งโอเมก้า 3 บริโภคแทนปลาจาก ทะเลน้ำลึกนั่นเองสารสกัดจากเมล็ดงาม้อนเป็นแหล่งของกรดไขมันจำเป็นคือ โอเมก้า 3 จากเวปไซด์ pantip.com ระบุว่างาม้อนเป็นพืชชนิดเดียว ที่มีโอเมก้า 3 ซึ่งในงาม้อน มีเปอร์เซ็นต์โอเมก้า 3 มากกว่าน้ำมันปลาจากปลาทะเลน้ำลึกหลายเท่า (ปลาแซลมอนอบขนาด 85.05 กรัม จะมี โอเมก้า 3 เพียง 2 กรัม คิดเป็นร้อยละ2.35 เท่านั้น)

 

น้ำมันงา บรรจุแคปซูลตรา "smiledrops (สมายด์ดรอป)"

ผลิตภัณฑ์ น้ำมันงาบรรจุแคปซูลตรา "smiledrops (สมายด์ดรอป)" ใช้น้ำมันงา 3ชนิด ได้แก่ งาขี้ม้อน งาขาว งาดำที่ได้จากการเพาะปลูกในธรรมชาติในจังหวัดแม่ฮ่องสอนนำมาผ่านกระบวนการบีบอัดโดยเครื่องมือที่สะอาด ไม่ใช้ความร้อนและสารเคมี ได้น้ำมันสีเหลืองใสบริสุทธิ์ ซึ่งได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน(GMP) ระดับดีมากและผ่านการรับรองมาตรฐานฮาลาล แล้วจึงนำมาบรรจุแคบซูล องค์ประกอบของสารสำคัญในน้ำมันงาเป็นกลุ่มของกรดไขมันไม่อิ่มตัว มากกว่า85%โดยเฉลี่ยดังระบุในตารางที่1     สำหรับงาขี้ม้อน มีกรดไขมันโอเมก้า 3 63%ช่วยบำรุงสมองและสายตา สำหรับงาขาวและงาดำมรกรดไขมันโอเมก้า6 47%และกรดไขมันโอเมก้า9 35%และวิตามินอีอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ยังเซซามิน และเซซาโมลินเป็นสารเฉพาะในเมล็ดงา(Sesame)เท่านั้น สารนี้ไม่มีในพืชชนิดอื่นเซซามินและเซซาโมลินช่วยให้การทำงานของวิตามินอีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการยับยั้งและต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในร่างกายสิ่งมีชีวิตและเป็นตัวต้นเหตุของโรคมะเร็ง วิตามินอียังมีประโยชน์ช่วยบำรุงผิวหนังและชะลอความแก่ โดยองค์รวมของน้ำมันงามีส่วนช่วยลดโคเลสเตอรอลส่วนเลว (LDL)และเพิ่มส่วนดี(HDL) ช่วยระบบการไหลเวียนโลหิต ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน ทำให้ผิวพรรณสดใส เพิ่มความยืดหยุ่นไขข้อ กล้ามเนื้อและเส้นเอ็น นอกจากนั้นในน้ำมันงาทั้งสามชนิดยังประกอบไปด้วยแร่ธาตุต่างๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แคลเซี่ยม เหล็ก แมกนีเซี่ยม สังกะสี ฟอสฟอรัส และโปแตสเซี่ยม

 

คุณประโยชน์หลักที่ได้รับจากการบริโภค ผลิตภัณฑ์น้ำมันงา บรรจุแคปซูลตรา "smiledrops (สมายด์ดรอป)"

เมื่อท่านรับประทานน้ำมันงา บรรจุแคปซูลตรา"smiledrops (สมายด์ดรอป)"เป็นประจำจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหาร กรดไขมันโอเมก้า3 กรดไขมันโอเมก้า6 9 และวิตามินอี เซซามิน เซซาโมลินและแร่ธาตุต่างๆซึ่งสามารถแทรกซึมเข้าไปในทุกระบบของร่างกาย ทำให้อวัยวะต่างๆทำงานได้เป็นปกติ ดังนี้

 

1.ระบบภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

กรดไขมันไม่อิ่มตัว(โอเมก้า3 6 9)ช่วยหยุดการลุกลามของเชื้อที่เข้ามาในร่างกาย หยุดการขยายตัวของการอักเสบทำให้บาดแผลหายเร็วเนื่องจากเป็นกรดไขมันที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ โอเมก้า 3 และวิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงมีส่วนยับยั้งมะเร็งการก่อตัวของโรคมะเร็ง โอเมก้า9มีส่วนยับยั้งมะเร็งเต้านม (จากการรายงานผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ปี 2555)

 

2.ระบบหัวใจและหลอดเลือด ลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ

กรดขมันไม่อิ่มตัว ช่วยลดโคเลสเตอรอลชนิดเลว LDL (Low Density Lipoprotein)ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของหลอดเลือดแข็งตัว โรคหัวใจขาดเลือด ช่วยเพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดดี HDL (High Density Lipoprotein) ซึ่งเป็นตัวที่ช่วยพาโคเลสเตอรอลชนิดเลวออกจากการเกาะตัวที่ผนังเส้นเลือด ช่วยทำให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพส่งผลดีต่อการไหลเวียนของโลหิต และลดการทำงานหนักของหัวใจ จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดอุดตันและความดันโลหิตสูง โอเมก้า6ช่วยรักษาความสมดุลของระดับการแข็งตัวของเส้นเลือด โอเมก้า3มีส่วนช่วยลดการเกิดลิ่มเลือดและการเกาะตัวของเกร็ดเลือด ควบคุมไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ลดความหนือของเลือดทำให้การไหลเวียนไปยังส่วนต่างๆได้ดีขึ้น

 

3. ระบบประสาทกลาง(สมองและไขสันหลัง)

โอเมก้า3มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสมอง ทั้งในการทำงานอย่างเป็นปกติของสมอง เป็นส่วนประกอยสำคัญต่อการพัฒนาการของเซลล์สมอง และช่วยเสริมความแข็งแรงของเซลล์สมอง ดังนั้นโอเมก้า3จึงช่วยให้ความจำเฉียบแหลม ลดการเสี่ยงการเป็นอันไซล์เมอร์ โอเมก้า3ช่วยลดความเครียดในสมอง บริโภคประจำจะทำให้นอนหลับสบาย

 

4.ระบบประสาทรับความรู้สึกพิเศษ (ตาและจมูก)

โอเมก้า3เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในเรตินาของดวงตามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเส้นเลือดในตา กรดไขมันไม่อิ่มตัวช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นมีผลทำให้ไขมันเลวที่เกาะอยู่ตามหลอดเลือดไม่ไปกดทับทางเดินหายใจทำให้หายใจโล่งตั้งแต่จมูกถึงปอด

 

5.ระบบทางเดินอาหาร (ตั้งแต่ปากถึงทวารหนัก ตับ ตับอ่อนและถุงน้ำดี)

กรดไขมันไม่อิ่มตัวช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลื่นไหลช่วยชะล้างไขมันเลวที่เกาะตามผนังลำไส้และปรับปรุงระบบขับถ่ายเป็นการบรรเทาอาการท้องผูก ส่งผลให้ลดอาการริดสีดวง

 

6.ระบบต่อมไร้ท่อ(เนื้อเยื่อต่างๆที่สามารถหลั่งฮอร์โมนได้)

กรดไขมันไม่อิ่มตัวช่วยส่งเสริมการทำหน้าที่ของต่อมไร้ท่อเช่นต่อมอะดรีนัล และต่อมไทรอยด์ ซึ่งควบคุมการทำงานของระบบฮอร์โมนให้อยู่ในสมดุลส่งผลถึงประสิทธิภาพขบวนการทางเคมีในร่างกาย ในขบวนการสร้าง การเปลี่ยนแปลงของธาตุอาหารที่ร่างกายได้รับและนำพาไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆได้อย่งพอเหมาะและเผาผลาญส่วนเกิน

 

7.ระบบสืบพันธุ์

กรดไขมันไม่อิ่มตัวช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนเพศ ส่งเสริมความเป็นปกติของระบบสืบพันธุ์

 

8.ระบบกล้ามเนื้อและโครงกระดูก (กล้ามเนื้อ กระดูก กระดูกอ่อนและเอ็น)

กรดไขมันไม่อิ่มตัวช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ช่วยเสริมสร้างเซลล์ส่วนที่สึกหรอ รักษาสภาพความแข็งแรงของกระดูก

 

9.ระบบผิวหนัง (ผิวหนัง ขน ผม และเล็บ)

กรดไขมันไม่อิ่มตัวช่วยกระตุ้นการเจริญของเซลล์ระบบผิวหนังและช่วยหล่อเลี้ยงให้มีความนุ่มและชุ่มชื้น

 

10.ภาวะเสื่อมชราภาพ

กรดไขมันไม่อิ่มตัวชะลอความแก่โดยเสริมสร้างการพัฒนาการของเซลล์ใหม่ ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ ทำให้เซลล์ในร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง บำรุงกระดูกเพิ่มความยืดหยุ่นกล้ามเนื้อและไขข้อ

องค์ประกอบ (Ingredient) Mg./500mg capsule เปอร์เซ็นต์ (%)
งาขี้ม้อน perilla งาขาว White sesame งาดำ black sesame งาขี้ม้อน perilla งาขาว White sesame งาดำ black sesame
โอเมก้า 3 312 1.6 1.3 62.40 0.32 0.26
โอเมก้า 6 79 238 228 15.84 47.60 45.60
โอเมก้า 9 56 172 188 11.14 34.4 37.60
วิตามินอี 0.21 6.4 3.79 0.04 1.28 0.76

 

ข้อแนะนำในการรับประทาน

ทางการแพทย์ชี้ว่าโอเมก้า6 นั้นถึงจะมีข้อดีที่มีลักษณะสนับสนุนการทำงานของกรดไขมันไม่อิ่มตัวด้วยกัน แต่หากมากเกินไปมีผลเสีย ดังนั้นสำหรับอาหารเสริมสุขภาพทางวงการแพทย์ทางเลือกแนะนำให้ใช้โอเมก้า3 เป็นตัวปรับสมดุลโดยแนะนำให้รับประทาน โอเมก้า6เป็นสัดส่วนเท่ากับโอเมก้า3ไม่ควรสูงเกิน4ต่อ1หรือยิ่งได้อัตราส่วน 1ต่อ1 เลยยิ่งดี ผลิตภัณฑ์ น้ำมันงาบรรจุแคปซูลตรา “smiledrops (สมายด์ดรอป)” สามารถปรับสัดส่วนการระบประทานโอเมก้า3 และ6 ได้เป็น1 ต่อ1ได้อย่างเหมาะเจาะ ความหลากหลายของชนิดน้ำมันงาช่วยให้ผู้รับประทานมีโอกาสได้รับสารสำคัญจำเพาะที่เป็นประโยชน์ต้านอนุมูลอิสระ ในแต่ละชนิดงาตามไปด้วย(ในแต่ละพืชมีความจำเพาะในโครงสร้างทางเคมีและสรีระ)และขณะเดียวกันได้รับ โอเมก้า9อย่างเพียงพอกับความต้องการของร่างกายโอเมก้า9เป็นกรดไขมันที่มีความสำคัญต่อร่างกาย แม้ร่างกายสามารถสร้างเองได้แต่ก็ในปริมาณที่จำกัด จึงควรรับประทาน ปริมาณการรับประทานน้ำมันงาขนาด 500 มิลลิกรัมต่อแคปซูล

 

เพื่อบำรุงร่างกาย สำหรับผู้ที่ร่างกายแข็งแรงปกติ

ขนาดรับประทาน1000 มิลลิกรัมหรือ2แคปซูลต่อวัน ให้รับประทานน้ำมันงาขี้ม้อน 1 แคปซูลร่วมกับน้ำมันงาขาวหรืดำ 1แคปซูล ร่างกายจะได้รับโอเมก้า6เป็นสัดส่วนกับโอเมก้า3ในอัตราส่วน1ต่อ1โดยร่างกายจะได้รับประมาน 300 มิลลิกรัมและโอเมก้า9ประมาณ 230 มิลลิกรัมขณะเดียวกันก็ได้รับวิตามินอี4-8มิลลิกรัม(วิตามินอี6มิลลิกรัมกรณีรับประทานน้ำมันงาขาว1แคปซูล หรือ4มิลลิกรัมกรณีรับประทานน้ำมันงาดำ)

 

เพื่อบำรุงร่างกาย สำหรับเสริมภูมิคุ้มกัน

ขนาดรับประทาน 2000 มิลลิกรัม หรือ4แคปซูล ต่อวัน ให้รับประทานงาขี้ม้อน2แคปซูลงาขาวและงาดำอย่างละ1แคปซูล ร่างกายจะได้รับ โอเมก้า6 เป็นสัดส่วนเดียวกันกับโอเมก้า3ในอัตราส่วน 1ต่อ1 โดยร่างกายจะได้รับโอเมก้า3และ6ประมาณ600มิลลิกรัม และโอเมก้า9 ประมาณ470มิลลิกรัม ขณะเดียวกันก็ได้รับวิตามินอี10 มิลลิกรัม

 

เพื่อเป็นอาหารเสริมของผู้ป่วย

ขนาดรับประทาน 4000มิลลิกรัมหรือ8แคปซูลต่อวัน ให้รับประทานน้ำมันงาขี้ม้อน 4แคปซูล งาดำและงาขาวอย่างละ 2แคปซูล ร่างกายจะได้รับโอเมก้า6 เป็นสัดส่วนเดียวกับโอเมก้า3ใน อัตราส่วน 1ต่อ 1โดยร่างกายจะได้รับ โอเมก้า3ในปริมาณ1250มิลลิกรัมและโอเมก้า9ประมาณ820มิลลิกรัม ขณะเดียวกันกับก็ได้รับวิตามินอี 20 มิลลิกรัม ซึ่งอยู่ในระดับที่แพทย์ทางเลือกแนะนำ

..................................................................................................................................................

 

น้ำมันงาขี้ม้อน (Perilla oil)

งาม้อนหรืองาขี้ม้อน  เป็นพืชสมุนไพรที่มีประวัติการใช้เป็นอาหาร และยาในประเทศทางแถบเอเชียมานานแล้ว  สำหรับประเทศไทยงาม้อนเป็นพืชที่ปลูกกันมานานในพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด  น้ำมันงาขี้ม้อน อุดมด้วยวิตามินบีและแคลเซียม  และ โอเมก้า 3

งาม้อนมีกรดไขมันอิ่มตัวสูง  มีฟอสฟอรัส และแคลเซียมมากกว่าพืชผักทั่วไปหลายเท่ามีแคลเซียม 410-485 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม และยังช่วยในการลดลิ่มเลือดและการเกาะตัวของเกร็ดเลือด ควบคุมไตรกลีเซอไรด์ ในเลือดลดความหนืดของเลือด นอกจากนี้ น้ำมันงาขี้ม้อน มีเปอร์เซ็นต์โอเมก้า 3 มากกว่าน้ำมันปลาจากปลาทะเลน้ำลึกหลายเท่า

  • สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งและยังช่วยให้ร่างกายแก่ช้าลงอีกด้วย
  • มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบำรุงสมอง ทั้งในการทำงานอย่างเป็นปกติของสม
    น้ำมันงาขี้ม้อน (Perilla Oil) น้ำมันงาขี้ม้อน (Perilla Oil)

เขียนรีวิว

โน๊ต: ไม่รองรับข้อความแบบ HTML!
    ไม่ชอบ           ชอบ

น้ำมันงาขี้ม้อน (Perilla Oil)

  • 400 บาท


สินค้าที่คล้ายกัน

ป้ายกำกับ: น้ำมันงาขี้ม้อน, Perilla Oil, smiledrops,